จากกรณี ผิวจราจรทรุดตัว จุดโครงการก่อสร้างไฟฟ้าลงดิน ปากซอยสุขุมวิท 64/1 เป็นเหตุให้มีรถบรรทุกสิบล้อตกลงไปในช่องทางบนถนน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ นั้น

‘ชัชชาติ’ ลุยด่วน! ตรวจจุดถนนทรุดปากซอยสุขุมวิท64/1 สั่งแก้ไขป้องเหตุซ้ำซาก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายศักดิ์มงคล ทาสะโก หรือบอย อายุ 29 ปี คนขับรถบรรทุก เล่าว่า ขับออกมาจากไซต์งานก่อสร้างคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในซอยสุขุมวิท 64/2 เพื่อบรรทุกดินไปยังปริมณฑล กำลังบรรทุกดินออกมาเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ แผ่นคอนกรีตบริเวณล้อหลังก็ได้ทรุดตัวลง ทำให้หน้ารถลอยขึ้น ตนเองตกใจจึงรีบลงจากรถ และเห็นว่ารถแท็กซี่ที่ขับตามหลังมาเสียหาย 1 คัน ส่วนไรเดอร์ที่ได้รับบาดเจ็บตนไม่เห็น ตนขับรถบรรทุกเป็นครั้งแรก และเป็นเที่ยวแรก ไม่ทราบว่าน้ำหนักเกินหรือไม่ เพราะตอนตักดินใส่รถ ไม่ได้มีการชั่งน้ำหนัก แต่ยืนยันว่า ไม่ได้บรรทุกเกิน คาดว่าน่าจะหนักที่ประมาณไม่เกิน 20 ตัน ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. ทางเจ้าของรถบรรทุกได้นำเครนมาเพื่อยกรถ โดยนำลวดสลิง มาเกี่ยวไว้ที่ด้านหน้าของตัวรถ และได้นำรถแบ๊กโฮ มาตักดินที่อยู่หลังรถบรรทุกออก เพื่อจะใช้เครนยกรถออก แต่ก่อนที่จะยกรถออก ต้องทำการถ่ายเทน้ำหนัก โดยการตักดิน ดินเหนียว ออกจากรถ เพื่อถ่ายน้ำหนักไปยังรถบรรทุกคันอื่น


ขณะที่ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการเร่งคืนผิวการจราจร จะมีการทยอยแบ่งดินจากรถบรรทุกที่ประสบอุบัติเหตุ ไปยังรถบรรทุกคันอื่น รวมถึงชั่งน้ำหนัก เพื่อตรวจสอบสาเหตุให้แน่ชัด และหลังจากที่นำรถบรรทุกขึ้นแล้วเสร็จ จะมีการปรับปรุงปากบ่อท่อร้อยสายไฟฟ้า และใส่คานรับน้ำหนัก 2 คาน จากเดิม 1 คาน เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่สัญจรผ่าน มั่นใจในความปลอดภัย หากสามารถคาดการณ์เวลาที่จะสามารถเปิดการสัญจรได้ จะมีการประชาสัมพันธ์จากทางกรุงเทพมหานครอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในส่วนของหลุมอื่น ๆ อีกกว่า 700 หลุม ที่มีการนำสายไฟฟ้าลงดิน กทม. ต้องขอความร่วมมือให้การไฟฟ้านครหลวง เป็นผู้ตรวจสอบต่อไป เนื่องจากไม่ใช่งานของ กทม. แต่ทั้งนี้ กทม. ก็จะควบคุมกำกับดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต 

ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. ผู้รับเหมาได้เตรียมนำเครนมาเพื่อยกรถ โดยนำลวดสลิงมาเกี่ยวไว้ที่ด้านหน้าของตัวรถ เพื่อไม่ให้รถไหลตกไปในบ่อ และได้นำรถแบ๊กโฮมาตักดินที่อยู่หลังรถบรรทุกออก เพื่อจะใช้เครนยกรถออก แต่ในเวลาประมาณ 16.15 น. หลังจากที่ผู้รับเหมาได้นำรถแบ๊กโฮมาทยอยตักดินจากรถบรรทุก ถ่ายไปยังรถบรรทุกอีกคัน เมื่อรถบรรทุกอีกคันมีดินจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ได้ขับรถบรรทุกนำดินไปเททิ้งที่ไซต์งาน แต่หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตัวแทนของการไฟฟ้านครหลวงได้เข้ามาคุยกับผู้รับเหมาว่า ไม่เป็นเหมือนกับที่คุยและประชุมกัน เพราะเมื่อนำดินออกมาจะต้องให้เจ้าหน้าที่มาชั่งน้ำหนักก่อน ก่อนที่จะนำไปเท แต่ผู้รับเหมากลับนำดินดังกล่าว ไปเทคืนยังไซต์งานเดิม ทำให้ไม่มีการชั่งน้ำหนักดินดังกล่าวว่า มีการบรรทุกมาจำนวนเท่าไร ด้านตัวแทนการไฟฟ้านครหลวงบอกว่า จากที่เข้าไปคุยกับผู้รับเหมา ก็คุยไม่รู้เรื่อง พูดเพียงว่าให้นำทนายความมาคุยอย่างเดียว ขณะที่เจ้าหน้าที่ กทม. ก็ได้ขับรถตามรถบรรทุก ที่ขับรถฝ่าวงล้อมนำดินไปเท ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนพอสมควร

จากนั้น นายฐิติวุฒิ เงินคล้าย รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ที่ลงพื้นที่ กล่าวว่า จากเหตุที่เกิดขึ้น พบความเสียหายที่ปากบ่อพักสายไฟสำหรับลงดิน คือคานรับน้ำหนักที่หักลงมา ส่วนแผ่นปูนไม่ได้มีความเสียหาย ยืนยันว่า การก่อสร้างเป็นไปตามแบบและมาตรฐานที่ยื่นไปกับกรุงเทพมหานคร ที่สามารถรับน้ำหนักขั้นต่ำได้ 28 ตัน และใช้งานมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว ประกอบกับที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบความคงทนแข็งแรงมาโดยตลอด เมื่อถามว่ามีความเสียหายระดับไหน นายฐิติวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากยังไม่เห็นโครงสร้างภายใน และยังไม่มีการเคลื่อนย้ายรถบรรทุกดังกล่าวออกไป แต่หากเคลื่อนย้ายรถบรรทุกดังกล่าวออกไปได้แล้ว คาดว่าใช้เวลา 4 ถึง 5 ชั่วโมง ในการซ่อมแซม และคืนผิวจราจรทั้งหมด ไม่เกินเที่ยงคืนนี้เป็นอย่างเร็ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เวลาผ่านไปเกือบ 6 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่สามาถเปิดการจราจรถนนดังกล่าวได้.