สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐออกแถลงการณ์ เรื่องการส่งเครื่องบินขับไล่เอฟ-15 สองลำ โจมตีเป้าหมายแห่งหนึ่ง ที่อยูในภาคตะวันออกของซีเรีย และมีความเกี่ยวข้องกับกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) และกลุ่มนักรบแนวร่วม ซึ่งใช้สถานที่แห่งดังกล่าวเป็นโกดังเก็บอาวุธ


ทั้งนี้ สหรัฐยืนยันว่า ปฏิบัติการดังกล่าว “เป็นการใช้สิทธิอันชอบธรรมของการป้องกันตัวเอง” จากการที่กองกำลังเกี่ยวข้องกับอิหร่าน ยังคงโจมตีกำลังพลและทรัพย์สินทางทหารของสหรัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่อยู่ในซีเรียและอิรัก สงผลให้พลเมืองสหรัฐเสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และมีทหารได้รับบาดเจ็บมากกว่า 20 นาย


ขณะที่ข้อมูลจากองค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย (เอสโอเอชอาร์) ระบุว่า การโจมตีดังกล่าวของสหรัฐ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย และเกิดขึ้นประมาณสองสัปดาห์ หลังเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐโจมตีสถานที่สองแห่งในซีเรีย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา


ด้าน พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ ยืนยันว่า สหรัฐไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งทางอาวุธกับฝ่ายใด และไม่ประสงค์เข้าร่วมอยู่ในวงความขัดแย้ง การโจมตีดังกล่าวคือการป้องกันตัวเองอย่างชอบธรรม จากการก่อความรุนแรงโดยไออาร์จีซีและแนวร่วมที่มีต่อสหรัฐ “ซึ่งต้องยุติได้แล้ว”.

เครดิตภาพ : AFP