เมื่อวันที่ 14 พ.ย. พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการพัฒนาระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic Channel ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเร่งระบายความหนาแน่นผู้โดยสารขาออกที่จะต้องรีบเดินทางขึ้นเครื่องบิน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีตรวจผู้โดยสารขาออก เพื่อนำกำลังเจ้าหน้าที่ ตม. ไปเพิ่มในส่วนการตรวจขาเข้าแทน เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวกตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ว่า
ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปรับปรุงระบบตรวจคนเข้าเมืองขาออกให้พัฒนาระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic Channel ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเร่งระบายความหนาแน่นผู้โดยสารขาออกที่จะต้องรีบเดินทางขึ้นเครื่องบิน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีตรวจผู้โดยสารขาออก เพื่อนำกำลังเจ้าหน้าที่ ตม. ไปเพิ่มในส่วนการตรวจขาเข้าแทน เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวกตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่ง นายเศรษฐา ได้กำชับในการประชุมย่อย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง ก่อนออกเดินทางไปประชุม APEC ที่ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีการประชุมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 และ ศูนย์เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงบริษัทซึ่งรับผิดชอบระบบเทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมือง และระบบ Automatic Channel พร้อทเร่งพัฒนาระบบรองรับการปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว โดยต่อไปคนต่างชาติที่เดินทางออกจากประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถใช้ช่องทางตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channel ได้จากเดิมสามารถใช้ได้เฉพาะผู้ถือหนังสือเดินทางไทยเท่านั้น ซึ่งขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำลังเร่งพัฒนา โปรแกรมเพิ่มเติม และปรับแก้ไขระเบียบคำสั่งที่เกี่ยวข้องให้สามารถทันใช้ในระยะเร่งด่วน 15 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ เพื่อให้ทันรองรับช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยในช่วงเร่งด่วนนี้ ยังคงใช้เครื่อง Automatic Channel ที่มีอยู่เดิมไปก่อน ผบก.ตม.2 กล่าว
พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวต่อว่า เมื่อเปิดรองรับการตรวจคนต่างชาติด้วยแล้วจะเพิ่มขีดความสามารถในการระบายความหนาแน่นผู้โดยสารขาออกที่สนามบินสุวรรณภูมิได้คล่องตัวขึ้นเป็นเท่าตัว จากเดิมรองรับการตรวจผู้โดยสารขาออกราว5,000 คน ต่อชั่วโมง เป็นประมาณ 12,000 คน ต่อชั่วโมง โดยในการตรวจจะลดขั้นตอนการประทับตราขาออกลงไป แต่ยังคงสามารถตรวจสอบบุคคลที่มีหมายจับคดีอาญา บุคคลที่ศาลมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และบุคคลที่อยู่เกินกำหนดอนุญาต ได้เช่นเดิม
ผบก.ตม.2 กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการพัฒนาระยะต่อเนื่องนั้น สตม. ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)จัดซื้อระบบ Automatic Channel เพื่อทดแทนระบบเดิมที่มีอายุการใช้งานกว่า 12 ปี ที่ด่าน ตม,ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ทั้งในส่วนขาเข้าและขาออก โดยในส่วนขาออกระหว่างประเทศจะติดตั้งที่สุวรรณภูมิ 40 เครื่อง จากเดิมมีแค่ 16 เครื่อง และติดตั้งทดแทนที่ขาเข้าระหว่างประเทศ 16 เครื่อง ส่วนสนามบินดอนเมือง จะติดตั้งทดแทนที่ขาออกระหว่างประเทศ 8 เครื่อง จากเดิม 4 เครื่อง ส่วนขาเข้า ระหว่างประเทศ 8 เครื่อง จากเดิม 4 เครื่อง เช่นกัน โดยจะมีระบบการทำงานที่ทันสมัย แม่นยำ และรวดเร็ว กว่าเดิม ซึ่งมีแผนจะสามารถใช้งานได้ ภายใน ก.ค.2567
“สำหรับการตรวจขาเข้าระหว่างประเทศ ยังจำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการคัดกรองตรวจสอบบุคคลเข้า ราชอาณาจักรตามหลักความมั่นคงของประเทศ โดยในอนาคตเมื่อมีการติดตั้งเครื่อง Automatic Channel ที่ขาออกเพิ่มเติมได้แล้ว จะสามารถนำเจ้าหน้าที่มาเพิ่มกำลังช่องตรวจหนังสือเดินทางขาเข้าได้มากขึ้น ซึ่งจะสามารถรองรับการตรวจผู้โดยสารในช่วงเที่ยวบินหนาแน่นได้มากขึ้นด้วย” พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวทิ้งท้าย.