สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงมาเล ประเทศมัลดีฟส์ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ว่า นอกจากเป็นที่รู้จักสำหรับชายหาดอันสวยงาม และรีสอร์ทที่เงียบสงบ ในฐานะจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว ซึ่งมีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียใต้ มัลดีฟส์ยังกลายเป็นจุดสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์เช่นกัน

มุยซ์ซู กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า มัลดีฟส์มีขนาดเล็กเกินที่จะเข้าไปพัวพันในการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ และเขาไม่ค่อยสนใจในการใช้นโยบายต่างประเทศของมัลดีฟส์ในเรื่องนี้

แม้ มุยซ์ซู ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา จากการรณรงค์หาเสียงอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อต้านอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจของอินเดีย ที่มีมากเกินไปในมัลดีฟส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำมั่นสัญญาที่จะสั่งถอนกองกำลังของอินเดียออกจากประเทศ แต่เขากล่าวว่า จะไม่ยอมให้ทหารของจีน หรือกองกำลังของประเทศอื่นใด เข้ามาประจำการแทน ตลอดจนปฏิเสธรายงานที่ระบุว่า มุยซ์ซูมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลปักกิ่งมากขึ้นด้วย

อนึ่ง มุยซ์ซูถูกมองว่าเป็นตัวแทนของนายอับดุลลา ยามีน อดีตประธานาธิบดีมัลดีฟส์ ที่ทำให้ประเทศขยับเข้าสู่วงโคจรของรัฐบาลปักกิ่งอย่างมาก จนกระทั่งเขาปราชัยในการเลือกตั้ง และหมดอำนาจปกครองประเทศ เมื่อปี 2561

มุยซ์ซู ระบุว่า เขาหวังที่จะเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลนิวเดลี เกี่ยวกับการถอนบุคลากรทหารของอินเดียประมาณ 50-75 นาย โดยให้เหตุผลว่า ชาวมัลดีฟส์ไม่ได้ลงคะแนนเสียงให้เขา เพื่ออนุญาตให้ทหารจากประเทศอื่นอยู่ในมัลดีฟส์ อีกทั้งมุยซ์ซูยังมั่นใจว่า รัฐบาลสามารถดำเนินการถอนกองกำลังอินเดียได้อย่างสันติ และเป็นประชาธิปไตย

“สำหรับชาวมัลดีฟส์ การให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของพวกเราเป็นอันดับแรก คือสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง นอกจากนี้ เราต้องการทำงานร่วมกับทุกประเทศ รวมถึงมีความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ดี จริงใจ และตรงไปตรงมา” มุยซ์ซู กล่าวทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : AFP