สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) กำหนดให้บริษัทออนไลน์ขนาดใหญ่ 22 แห่ง เป็น “บริการแพลตฟอร์มหลัก” ที่ต้องได้รับการตรวจสอบและภาระผูกพันเพิ่มเติม ภายใต้กฎหมายตลาดดิจิทัล (ดีเอ็มเอ) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อปราบปรามแนวปฏิบัติแบบต่อต้านการแข่งขัน

ทั้งนี้ ดีเอ็มเอ มีขึ้นตามหลังกฎหมายอื่น ๆ ของอียู ที่มุ่งสร้างระเบียบและกฎเกณฑ์ในโลกดิจิทัล อีกทั้งมันยังมีความเข้มงวดเช่นเดียวกับกฎหมายการให้บริการดิจิทัล (ดีเอสเอ) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา และระเบียบการคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (จีดีพีอาร์) ปี 2559 โดยบริษัทใดก็ตามที่ละเมิดดีเอ็มเอ อาจถูกปรับสูงถึง 20% ของมูลค่าการซื้อขายทั่วโลก หรือถูกสั่งปิดกิจการในกรณีร้ายแรง

อย่างไรก็ตาม ดีเอ็มเอถูกคัดค้านในสิ่งที่คาดว่า จะกลายเป็นการดำเนินคดีในอนาคต และการตีความที่แตกต่างกันของสิ่งที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัท เมตา เจ้าของเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ประกาศว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอียู เกี่ยวกับการกำหนดให้ “เมสเซนเจอร์” เป็นบริการแพลตฟอร์มหลัก และการทำให้ “เฟซบุ๊ก มาร์เกตเพลส” อยู่ภายใต้ขอบเขตของดีเอ็มเอ

ขณะเดียวกัน ติ๊กต็อก ประกาศว่าจะคัดค้านการกำหนดให้บริษัทอยู่ภายใต้ดีเอ็มเอ โดยให้เหตุผลว่า บริษัทมองตนเองในฐานะผู้เล่นหน้าใหม่ในวงการ ที่ครอบงำโดยบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน

แม้อีซีปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อการอุทธรณ์ของเมตา และติ๊กต็อก แต่เจ้าหน้าที่อียูคนหนึ่ง กล่าวว่า ฝ่ายบริหารของอียูมั่นใจว่า บริษัทที่มีชื่อทั้งหมด กำลังดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามดีเอ็มเอ ก่อนวันที่ 6 มี.ค. 2567

อนึ่ง ดีเอ็มเอมีจุดประสงค์ เพื่อต้องการให้มีความสามารถในการทำงานร่วมกัน ระหว่างบริการของคู่แข่ง และทำให้แน่ใจว่า การลบแอปพลิเคชันที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า สามารถดำเนินการได้อย่างง่ายดาย.

เครดิตภาพ : AFP