สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ว่า สำนักงานยามฝั่งของญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ว่า ได้รับแจ้งจากเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับกรอบระยะเวลาของการส่งจรวดปล่อยดาวเทียมครั้งใหม่ จะอยู่ที่ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึงวันที่ 1 ธ.ค. นี้


ขณะที่นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น พร้อมทั้งเดินหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลเปียงยางยกเลิกแผนการ และการประสานงานกับทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเตือนว่า การยิงจรวดของเกาหลีเหนือเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) อย่างร้ายแรง และจะมีการตอบสนองจากรัฐบาลโตเกียว เกาหลีใต้ และสหรัฐ


ทั้งนี้ กองทัพเกาหลีใต้เตือนเกาหลีเหนือ ให้ยุติความพยายามในการส่ง “จรวดปล่อยดาวเทียมสอดแนมทางทหาร” ครั้งใหม่ เนื่องจากหากรัฐบาลเปียงยางยังคงเดินหน้าแผนการ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของเกาหลีใต้ ไม่ลังเลที่จะดำเนินการ “เพื่อปกป้องชีวิตและความปลอดภัย” ของประชาชนในประเทศ


อนึ่ง เกาหลีเหนือพยายามส่งดาวเทียมสอดแนมทางทหาร ดวงแรกของประเทศ ชื่อ “มัลลิกย็อง-1” ครั้งแรก เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ตอนนี้เกาหลีใต้ซึ่งเก็บกู้ชิ้นส่วนหลักได้ และเปิดเผยว่า ดาวเทียมของเกาหลีเหนือ “ไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมทางทหารตามที่กล่าวอ้าง”


ส่วนความพยายามส่งดาวเทียมครั้งที่สองเกิดขึ้น เมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งยังคงไม่ประสบความสำเร็จ และเกาหลีเหนือประกาศแผนเตรียมส่งดาวเทียมเป็นครั้งที่สาม เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้เกิดขึ้น


นอกจากนี้ เกาหลีใต้และสหรัฐยังคงจับตา การที่ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซียพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่นายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เยือนเมืองวลาดิวอสตอค เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลโซลและรัฐบาลวอชิงตันเชื่อมั่นว่า เกาหลีเหนือมอบความสนับสนุนด้านอาวุธให้กับรัสเซีย แลกกับการที่รัฐบาลมอสโกถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการพัฒนาดาวเทียม.

เครดิตภาพ : AFP