เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแรงงานไทยหลักสิบคนที่เดินทางกลับเข้าประเทศอิสราเอลไปแล้ว เท่าที่ทราบเดินทางผ่านไปยังประเทศอื่นก่อน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ห่วงกังวล แต่เข้าใจแรงงานไทยมีความประสงค์จะกลับไป เพราะอิสราเอลเปิดรับแรงงานเต็มที่ เพราะขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก แต่ตนยังอยากให้รอก่อน อยากประเมินสถานการณ์เพื่อความมั่นใจ หากเป็นไปได้ขอแรงงานไทยประวิงเวลาการกลับไป ขอให้ใจเย็น ไม่ต้องกลัวว่าตำแหน่งงานจะหายไป เราทำเพื่อแรงงาน ก็อยากให้แรงงานคิดถึงสวัสดิภาพของตัวเอง
เมื่อถามถึงคลิปวิดีโอที่อิสราเอลอ้างว่าเป็นโรงพยาบาลที่กลุ่มฮามาสใช้เป็นสถานที่ควบคุมตัวประกัน ซึ่งมีคนไทยรวมอยู่ด้วยนั้น น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า คลิปดังกล่าวเป็นของวันที่ 7 ต.ค. และอย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าคนไทยดังกล่าวถูกลักพาตัวจริง และ ณ วันนั้นยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งวันนี้หวังว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่และเราจะพากลับไทยได้ และยอมรับว่าการเจรจาขอปล่อยตัวประกัน รัฐบาลกำลังทำอยู่ แต่ไม่ง่าย ซึ่งไม่ขอลงรายละเอียด ทั้งนี้ จากการประเมินหากมีการปล่อยตัวประกันจะปล่อยกลับเข้ามาทางชายแดนอิสราเอลมากกว่า แต่ไม่ว่าจะเป็นทางใด ทั้งอิสราเอล หรือที่อียิปต์ เราก็เตรียมพร้อมเช่นกัน
ต่อข้อถามว่าประเมินเรื่องการหยุดยิงชั่วคราวอย่างไร น.ส.พรรณนภา กล่าวว่า ตามข่าวอิสราเอลจะไม่หยุด แต่ต้องรอดูเรื่องการเจรจาอีกครั้ง และหากหยุดยิงชั่วคราว 5 วัน ในมุมของอิสราเอลมองว่าฮามาสจะมีโอกาสซ่องสุมอาวุธและกำลังคนอีก
“สถานการณ์การสู้รบตอนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในฉนวนกาซา เมื่อวานนี้ฮามาสก็ยิงจรวดมายังอิสราเอล เข้ามาในกรุงเทลอาวีฟ สถานการณ์จึงยังไม่สงบ และกาชาดระหว่างประเทศก็ยังเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันไม่ได้ และไม่ทราบว่าตัวประกันสุขภาพเป็นอย่างไร ตอนนี้ห่วงกังวลในเรื่องสุขภาพของแต่ละคน แต่หวังว่าแรงงานไทยน่าจะยังมีสุขภาพที่แข็งแรง” น.ส.พรรณนภา กล่าว
น.ส.พรรณนภา กล่าวอีกว่า ล่าสุดได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลว่ามีบุคคลสัญชาติไทยที่คาดว่าถูกควบคุมตัวจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566 เพิ่ม 1 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ที่ทางการอิสราเอลยืนยันว่าน่าจะถูกควบคุมตัวทั้งสิ้น 26 ราย ส่วนยอดรวมผู้เสียชีวิตยังมี 39 ราย และมีผู้ที่รักษาตัวอยู่ในรพ. 3 ราย.