เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้โพสต์ประกาศข่าวดี พบสัตว์ที่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วอีกครั้ง โดยระบุว่า คือเจ้า ตุ่นปากยาว สัตว์จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่มีลักษณะตัวเหมือนเม่น จมูกเหมือนตัวกินมด และมีตีนเหมือนตัวตุ่น โดยพวกมันถูกพบอีกครั้งในเทือกเขาไซคล็อปส์ ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างก็ยืนยันกันไปแล้วว่า มันสูญพันธุ์ไปแล้ว

ตุ่นปากยาวมีชื่อภาษาอังกฤษว่า แอตเทนโบโรห์ (Attenborough) มันถูกตั้งชื่อตามนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ เดวิด แอตเทนโบโรห์ (David Attenborough) ผู้เจอมันครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1961 ในการเจอเจ้าตุ่นปากยาวครั้งนี้ ถูกจับภาพไว้ได้จากกล้องติดตามเส้นทางของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด

นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของนักวิทยาศาสตร์ เนื่องจากพวกเขาใช้เวลาร่วมเดือน ในการค้นหาสัตว์ชนิดดังกล่าว โดยติดตั้งกล้องดักถ่ายเอาไว้ถึง 80 ตัว เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบให้ได้มากที่สุด จนกระทั่งวันสุดท้ายของการสำรวจ กล้องตัวหนึ่งสามารถจับภาพเจ้าตุ่นปากยาวเอาไว้ได้ โดย เจมส์ เคมป์ตัน (James Kempton) คือผู้พบภาพของเจ้าตุ่นปากยาวตัวหนึ่ง กำลังเดินผ่านพงหญ้าในป่าใหญ่ตัดกล้องไป เคมป์ตัน กล่าวว่า “สาเหตุที่มันไม่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ เนื่องจากมันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในกลุ่มโมโนทรีม (monotremes) ซึ่งเป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่วางไข่ โดยมันมีวิวัฒนาการแยกออกมาจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ มานานกว่า 200 ล้านปีแล้ว”

แม้การพบเจ้าตุ่นปากยาวนี้อีกครั้ง จะเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เรื่องน่าเศร้าก็มีเช่นกัน โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ IUCN จัดให้ตัวตุ่นปากยาวมีสถานะเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ทว่าประเทศอินโดนีเซีย กลับไม่มีกฎหมายคุ้มครองพวกมันอย่างจริงจัง

“มันคือตัวแทนของความหลากหลายทางชีวภาพบนเทือกเขาไซคล็อปส์ นั่นคือเหตุผลที่เราควรอนุรักษ์พวกมัน รวมถึงถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมันด้วย อย่าให้ผืนป่าหายไปโดยเด็ดขาด” เคมป์ตัน กล่าว

ภาพจากวิดีโอนี้ ถือเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นแรกที่ยืนยันการมีอยู่ของมันได้นับตั้งแต่ปี 1961 ดังนั้นแล้ว พวกตุ่นปากยาวไม่ได้สูญพันธุ์ไปแล้วแต่อย่างใด มันยังคงหลบซ่อนสายตาพวกเราอยู่ในป่า พวกเรามีหน้าที่ที่จะต้องร่วมกันรักษาถิ่นที่อยู่ของพวกมันเอาไว้ เพื่อให้พวกมันไม่หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล…

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @มูลนิธิสืบนาคะเสถียร