ซึ่งทุกภาคส่วนกำลังเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เอส-เคิร์พของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ เสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศในเวทีการประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้สนับสนุนมาตรการส่งเสริมการใช้ และการผลิตยานยนต์สมัยใหม่

โดยเฉพาะมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ หรือมาตรการอีวี 3 มีผู้ประกอบการเข้าร่วม 10 แบรนด์ มียอดจองรถยนต์บีอีวีไปแล้วกว่า 50,000 คัน ได้ส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการกำหนดมาตรฐานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้วกว่า 150 มาตรฐาน

“ณัฐพล รังสิตพล” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ขยายความว่า รัฐบาล และกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไปพร้อมกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องยนต์สันดาป ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ผ่านคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ พร้อมให้ความสำคัญกับการวางรากฐานของการวิจัยและพัฒนายานยนต์และชิ้นส่วนในประเทศ รวมทั้งการกำหนดมาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

ดังนั้นหน่วยงานกำหนดมาตรฐาน และหน่วยงานทดสอบและรับรอง ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการจัดตั้งศูนย์วิจัยเทคโนโลยียานยนต์จีน สำนักงานสาขาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำประเทศไทย (CATARC) ถือเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือนำศักยภาพด้านการพัฒนานโยบาย การกำหนดมาตรฐานและการรับรอง รวมทั้งเครือข่ายอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของจีนมาเชื่อมโยงในการพัฒนาอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ของประเทศไทย เพื่อรองรับการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน และฐานการผลิตที่สำคัญของโลก

นอกจากนี้ยังให้บริการทดสอบและรับรองมาตรฐานของศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรและเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และยานยนต์สมัยใหม่ ส่งผลให้ในไตรมาสแรกของปี 66 ประเทศไทยมีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า คิดเป็น 78% ของปริมาณการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน และในปี 65 ประเทศไทยมีการผลิตยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นอันดับ 1 ของอาเซียนประมาณ 72,000 คัน แสดงให้เห็นถึงกระแสการตอบรับของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ในประเทศ และความพร้อมที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่

ทั้งนี้ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ระดับแนวหน้าของประเทศจีนหลายค่ายได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สามารถแข่งขันได้ในอาเซียน และเวทีโลก ศูนย์วิจัยเทคโนโลยียานยนต์จีน สำนักงานสาขาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย เป็นสาขาลำดับที่ 4 ต่อจากเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น ซึ่งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ของจีน รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างครบวงจร ทั้งด้านกำหนดนโยบาย ด้านวิจัยพัฒนา ด้านมาตรฐานและการทดสอบ ครอบคลุมยานยนต์ทุกประเภท และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล จนทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าของจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นฐานการผลิตอันดับต้น ๆ ของโลก.