จากกรณีที่เพจดังเพจหนึ่ง ออกมาแฉปมนักร้องลูกทุ่งสาวมีโลก 2 ใบ ซึ่งก็มีชื่อหลายคนเข้ามาติดโผ และก็ต่างทยอยออกมาแก้ข่าว และยืนยันว่าไม่ใช่ตนเอง ล่าสุดเมื่อวานนี้ (12 ธ.ค. 66) นักร้องลูกทุ่งสาวชื่อดัง หญิงลี ศรีจุมพล ที่มีชื่อเอี่ยวด้วย ก็ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก

โดยแจกแจงเหตุผลว่า “เกิดจากมีปัญหากับแฟนที่คบกันอยู่ และได้มีโอกาสได้คุยกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายได้รู้ว่า มีโลก 2 ใบแล้วไม่เวิร์ก ที่ออกมาพูดอีกเหตุผลหนึ่งคือกระทบกับนักร้องลูกทุ่งหญิงคนอื่น ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้มีโอกาสได้ชี้แจง เพราะยังไม่มีหลักฐาน หญิงได้ดูข่าวมา คู่กรณีบอกว่าหญิงกลั่นแกล้งเขาในวันที่จะแยกย้ายจากกัน คือไปแจ้งความเอาเรื่องเขา”

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. คุณเบนซ์ อดีตคนรักของหญิงลี กล่าวกับทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ว่า ขอเปิดหน้าสู้ ไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว สิ่งที่จะเล่าคือความจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีนักข่าวหลายสำนักติดต่อมา ตนก็ไม่เคยออกมาพูด ตนรู้จักกับฝ่ายหญิงเมื่อประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมา ตนทำอาชีพฟรีแลนซ์ รับถ่ายภาพ ไปเก็บภาพคอนเสิร์ต จนได้เจอฝ่ายหญิง ไปยกมือสวัสดีเขา จากนั้นเขาให้ผู้จัดการมาบอกกับตนว่าให้ไปรอหลังเวที

หลังจากฝ่ายหญิงถ่ายภาพกับแฟนคลับเสร็จ เขาเดินมากอดตน กอดอยู่สักพักใหญ่ จนผู้จัดการมาสะกิดบอกว่า ดูไม่ดีแล้ว เขาจึงบอกให้ทางผู้จัดการมาขอเบอร์ ขอไลน์ตนไว้ ซึ่งตอนนั้นตนไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่า เผื่อมีงาน มีคอนเนกชั่น จึงให้เบอร์และไลน์ไป วันรุ่งขึ้น ฝ่ายหญิงมีการทักแชตไลน์ มาสอบถามว่าตนทำงานอะไร ทำอาชีพอะไร ตนก็เล่าให้ฟัง จากนั้นเขาถามตนว่า เงินพอใช้ไหม ตนก็บอกไปว่าพอที่จะประคองตัวเองได้ จากนั้นเขาโอนเงินให้ตน 5,000 บาท

หลังจากวันนั้น เขาติดต่อให้ตนไปหา เพื่อที่จะไปคุยงาน เนื่องจากเขาต้องขึ้นคอนเสิร์ต พอตนไปถึง รองานจบ เขาชวนไปทานข้าว ตนก็รู้สึกเอะใจ ว่าทำไมถึงชวนไปทานข้าว แต่ตนก็ไป จากนั้นก็พูดคุยกันมากขึ้น ต่างคนก็ต่างมีใจให้กัน และฝ่ายหญิงบอกว่าตามหาคนแบบตนมานานแล้ว การที่เราได้มาเจอกันถือว่าเป็นพรหมลิขิต

หลังจากนั้นเพียง 2-3 วัน ฝ่ายหญิงได้ชักชวนตนไปอาศัยอยู่ที่บ้านด้วยในฐานะคนรัก แต่ช่วยเหลือในการทำงาน โดยให้ตนดูแลเรื่องขับรถ ดูแลเรื่องของที่พัก รวมถึงการเดินทางไปงานคอนเสิร์ต ซึ่งฝ่ายหญิงให้เงินตนเดือน 20,000 บาท ซึ่งคนในบ้านรวมถึงทีมงานรับรู้ความสัมพันธ์ของตนและฝ่ายหญิงทั้งหมด ตอนนั้นตนรู้อยู่แล้วว่าฝ่ายหญิงเคยมีคนคุยมาก่อน ซึ่งตนก็ได้สอบถามกับฝ่ายหญิงว่า แล้วผู้ชายคนอื่นที่เคยคบหากันคืออะไร แต่ฝ่ายหญิงบอกว่า จบแล้ว เคลียร์ไปแล้ว ตนจึงมั่นใจที่จะเข้าไปอยู่ในบ้าน โดยไม่ต้องปิดบังอะไร

หลังจากคบหากันสักพัก มีอยู่วันหนึ่ง ฝ่ายหญิงเดินทางไปที่รีสอร์ทบ่อยมาก ตนจึงเกิดความสงสัยว่า ไปทำอะไร ฝ่ายหญิงบอกว่าไปเคลียร์ปัญหากับคนเก่า สาเหตุที่ไปเพราะเรื่องทำงาน ซึ่งตอนนั้นตนก็หึงหวง แต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากไม่มีหลักฐาน จากนั้นก็มีปากเสียงกัน ทะเลาะกันมาตลอด

หลังจากนั้นฝ่ายหญิงได้บินกลับมาที่กรุงเทพฯ ตนก็ไปรอรับเขา แต่ฝ่ายหญิงบอกว่า วันนี้เราไม่เข้าบ้านดีกว่าไหม ไปนอนที่บ้านของคนสนิทของเขา ซึ่งตนกับเขาก็ไปนอนบ้านคนสนิทได้ 1 คืน พอตื่นเช้ามา ฝ่ายหญิงทำท่าทีกังวลใจ ตนจึงถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร

พอวันรุ่งขึ้นเขามีการคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนานถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งตนก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนอะไร สักพักเขาเดินออกมาหน้าตาตื่น เขาบอกว่า “ผู้ชายคนหนึ่งจะเข้ามานะ ค่อยๆ คุยกันนะใจเย็นๆ” ซึ่งตนก็บอกไปว่า “ตนไม่ได้อยากมีปัญหา คุณบอกว่าคุณเคลียร์ไปแล้ว คุณก็ต้องเป็นคนคุยเอง”

จากนั้นฝ่ายชายมาถึงที่บ้าน ตนเองก็อยู่ในบ้าน มีปากเสียงกัน ปะทะอารมณ์กันไปมา จากนั้นฝ่ายชายได้พูดขึ้นมาว่า “มึงจะหยุดไหม ถ้าไม่หยุด เดียวกูจะหยุดมึงเอง” พร้อมชักปืนขึ้นมาจ่อที่หัวตน จากนั้นเจ้าของบ้านโทรศัพท์หาตำรวจ พอเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา ฝ่ายชายได้นำปืนขึ้นไปแอบข้างบนบ้าน พอตำรวจตรวจค้นก็พบปืนพร้อมกระสุนเต็มแม็ก ซึ่งสาเหตุที่ตนไม่ดำเนินคดี เนื่องจากฝ่ายหญิงได้ขอร้องไว้

หลังจากวันนั้นตนก็จับได้ว่า ฝ่ายหญิงคุยกับฝ่ายชาย (คนเก่า) ทำนองว่า “ให้ฝ่ายชายรอ กำลังเคลียร์กับตนอยู่” แต่สิ่งที่ฝ่ายหญิงคุยกับตน คือบอกว่าเคลียร์กันฝ่ายชายไปแล้ว จึงทำให้ตนรับไม่ได้ และตกลงกันว่าตนจะออกจากบ้านไปวันที่ 19 เมษายน

แต่สุดท้ายตนอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้แล้ว รู้สึกอึดอัด และเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจออกจากบ้านมาในวันที่ 16 เมษายน แต่ฝ่ายหญิงก็เข้ามาถามตนว่า ทำไมถึงรีบไป ทำไมถึงไม่อยู่เก็บเกี่ยวความสุขกันก่อน แต่ตนก็บอกว่าไม่แล้วรู้สึกอึดอัด

หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็บอกให้ตนเอาโทรศัพท์ของตนไปให้เขา ซึ่งตนก็ไม่ยอม ฝ่ายหญิงจึงเรียกคนในบ้านออกมา ตนเห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลฟ์ แต่ไม่ได้ต้องการแฉ เป็นการไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่ได้เป็นสาธารณะ ยืนยันที่ทำไปเนื่องจากต้องป้องกันตัวเอง เพราะฝ่ายหญิงเรียกคนมาหลายคน กลัวจะไม่ปลอดภัย

ขณะเดียวกันเขาก็ให้คนในบ้านสองคนมาทำร้ายตน โดยทุบเข้าที่ท้ายทอยตน จากนั้นได้แย่งโทรศัพท์มือถือไป หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงก็ไปแจ้งความตนในข้อหาบุกรุก ส่วนเรื่องกล้องที่หายไปนั้น ฝ่ายหญิงเคยบอกกับตนว่า กล้องวิดีโอที่ไม่ได้ใช้งาน สามารถนำไปปล่อยเช่าหารายได้เสริมได้นะ ซึ่งบางทีตนก็นำกล้องไปปล่อยเช่า แต่สาเหตุที่กล้องหายไปนั้น ตนไม่ทราบ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเอาไป ซึ่งก่อนหน้านั้น ตนเคยบอกกับฝ่ายหญิงแล้วว่า กล้องหายให้ไปแจ้งความ แต่ฝ่ายหญิงกลับเฉย ซึ่งหากฝ่ายหญิงคิดว่าตนเป็นคนเอาไป หากมีหลักฐานให้เอาออกมายืนยันได้เลย

ส่วนเรื่องของแชต ตนยอมรับว่ามีการคุยแชตกับอดีตคนเคยคุยจริง และเมื่อฝ่ายหญิง (นักร้องดัง) รู้ จึงโทรฯ ไปหาอดีตคนเคยคุยของตน และบอกให้เลิกยุ่งกับตน ซึ่งข้อความแชตอันนั้นอดีตคนเคยคุย ตอบกลับมาด้วยความโมโหและประชดประชันตน หาว่าตนเองเป็นแมงดา กอบโกยอะไรฝ่ายหญิงได้ก็ให้กอบโกยมาให้หมด ถ้าอ่านทั้งประโยค มันคือการประชดประชันว่า ไม่น่ากลับมาคบกับตนเลย

ขอบคุณข้อมูลจากเที่ยงวันทันเหตุการณ์