สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ว่า ผลสำรวจความคิดเห็นกลุ่มตัวอย่างชาวญี่ปุ่น จัดทำโดยหนังสือพิมพ์อาซาฮี ระหว่างวันที่ 16-17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่า คะแนนนิยมของประชาชนต่อรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ลดลง 5% จากการสำรวจเมื่อช่วงเวลาเดียวกันของเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เหลืออยู่เพียง 16% ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564


ขณะที่คะแนนการไม่ยอมรับเพิ่มขึ้นเป็น 79% สูงที่สุดนับตั้งแต่อาซาฮีเริ่มเก็บข้อมูลลักษณะนี้ ตลอดระยะเวลานานกว่า 70 ปีที่ผ่านมา
ด้านหนังสือพิมพ์นิกเคอิเปิดเผยผลการสำรวจของตัวเอง ซึ่งจัดทำในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่าความนิยมของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อรัฐบาลคิชิดะ ลดลง 4% จากการสำรวจครั้งก่อนหน้า เหลืออยู่ที่ 26% ซึ่งถือเป็น “โซนอันตราย” สำหรับคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรี และ 67% ของกลุ่มตัวอย่าง กล่าวว่า คิชิดะ “ต้องรับผิดชอบ” กับกรณีอื้อฉาวของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี)


ทั้งนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวสะท้อนว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดของคิชิดะ “แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย” โดยรัฐมนตรีระดับว่าการ 4 คน ลาออกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางกรณีอื้อฉาวภายในพรรคแอลดีพี ที่สื่อท้องถิ่นหลายแห่งในญี่ปุ่นร่วมกันเปิดโปง ว่านักการเมืองระดับสูงในพรรคแอลดีพี รับสินบนรวมกันมากกว่า 500 ล้านเยน (ราว 123.15 ล้านบาท) ผ่านกิจกรรมระดมทุน ที่หนึ่งในกลุ่มย่อยของพรรคแอลดีพีจัดขึ้น


นอกจากนี้ ผู้นำญี่ปุ่นยังไม่สามารถอธิบายที่มาของทรัพย์สิน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 ล้านเยน (ราว 4.9 ล้านบาท) ภายในระยะเวลาสามปีล่าสุด จนถึงปี 2563.

เครดิตภาพ : AFP