เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่กสทช. ได้เรียกผู้บริหารทรู-ดีแทค ชี้แจงการดำเนินมาตรการดูแลผู้บริโภค ทั้งเรื่องราคาและคุณภาพสัญญาณหลังการควบรวม แต่ยังมีเสียงสะท้อนทางการเมืองวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่อง อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค นั้น

ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช. กล่าวว่าในฐานะประธานกสทช. พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายทั้งในโซเชียลมีเดียและภาคประชาชน แม้ที่ผ่านมา สำนักงานกสทช. จะขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว แต่โดยส่วนตัวยังไม่พอใจต่อผลการปฏิบัติของสำนักงานกสทช. อยากเห็นการดูแลประชาชนผู้ใช้งานและสาธารณะมากกว่านี้ได้อีกหรือไม่

“สำนักงานกสทช. ต้องเร่งทำความเข้าใจและสร้างความชัดเจนใน 2 เรื่องคือ การส่งเสริมการขายของบริษัท และคุณภาพการให้บริการอยู่ในเกณฑ์หรือไม่ เพราะมีผู้ใช้บริการหลายสิบล้านคนที่เขาต้องดูแล แล้วคนที่ได้รับผลกระทบคือกลุ่มไหน อยู่ในพื้นที่ไหน เป็นจำนวนเท่าไหร่ สำนักงานกสทช. ต้องเร่งเข้าไปหาต้นตอของปัญหา และแก้ไขโดยด่วน ต้องบอกสังคมด้วยปัญหาอยู่ตรงไหน และ แก้ไขอย่างไรบ้าง”

หลังจากนี้ กสทช. ต้องเดินหน้าเร่งรัดให้ผู้ประกอบการแก้ปัญหาเชิงเทคนิคและปรับปรุงบริการลูกค้าให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามที่ตลาดและสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งไม่เฉพาะกรณีของทรู-ดีแทค เท่านั้น มีบางความเห็นมีกล่าวถึงการให้บริการและราคาของเอไอเอสด้วย ก็ต้องไปตรวจสอบดูว่าว่าทำไมและเหตุใดประชาชนถึงมีประเด็นดังกล่าว “เราต้องตั้งใจฟัง ผมเป็นหมอ ผมต้องฟังคนไข้ ก่อนวินิจฉัยอาการ”

รวมถึงปัญหาที่ไม่มีผู้ให้บริการประชาชนอย่างเพียงพอ ก็ได้เร่งให้สำนักงานส่งเสริมการประกอบการ MVNOs รวมถึงได้แจ้งไปยังรัฐบาล ถึงความต้องการยกระดับผู้ประกอบการด้วย ซึ่งกสทช.เร่งสนับสนุนไม่ได้นั่งรอเฉยๆ แต่เชิญชวนผู้ประกอบการในต่างประเทศมาลงทุน ซึ่งใช้โอกาสในระหว่างการเดินทางไปประชุมเวทีต่างประเทศทุกครั้งพยายามหารือกับผู้ประกอบการต่างประเทศที่สนใจ

โดยในส่วนที่น.ส.ศิริกัญญา ให้สัมภาษณ์รายการทีวีเรื่องการบรรจุวาระประชุมนั้น ขอชี้แจงว่าน.ส.ศริกัญญาเป็นสส.มาสองสมัยควรเข้าใจว่าทุกวาระบรรจุ ต้องขออนุมัติประธานสภาและเข้าคิวเหมือนกัน เรื่องไหนสำคัญที่มีกรอบระยะเวลาก็เร่งบรรจุเป็นพิเศษอยู่แล้ว ประธานไม่ได้เลือกบรรจุตามความต้องการ แต่มีการตรวจสอบความถูกต้องว่า การเสนอนั้นถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะเป็นประเด็นการออกระเบียบประกาศ ไม่ถูกต้องอาจถูกฟ้องที่ศาลปกครองอีก หากน.ส.ศิริกัญญา อ้างถึงกรรมการ กสทช. 4 คน ที่ว่าประธานรวบอำนาจ ไม่บรรจุวาระของพวกเขา ทั้งสี่คนเลยไม่ยอมเข้าประชุม ก็แสดงว่าน.ส.ศิริกัญญา รู้เห็นว่ากสทช. ทั้งสี่มีวาระอะไรที่ต้องการให้บรรจุเป็นพิเศษ และเอาสิ่งที่ต้องการมาต่อรองเพื่อเข้าประชุมอย่างนั้นหรือไม่ ที่สำคัญในฐานะ สส. ควรจะเข้าใจถึงหลักองค์ประชุมดี เพราะสภาผู้แทนราษฎรเพิ่งจะล่มไป 2 ครั้ง เพราะ สส.พรรคน.ส.ศิริกัญญา ไม่ได้เข้าร่วมประชุม หากไม่ครบองค์ประชุมก็ประชุมไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะโหวตอย่างไร เพราะองค์ประชุมที่ กสทช นั้นคือ 4 คน

ประธานกสทช. กล่าวต่อไปว่าตนเห็นด้วยกรณีน.ส.ศิริกัญญา พูดถึงการปรับปรุงอำนาจ กขค. หรือ คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เพราะเป็นหน่วยงานที่สามารถ บอกได้โดยตรงว่าปัญหาของการแข่งขันที่จำกัดนั้นอยู่ตรงไหน เพราะความไม่พอใจคงมิใช่แค่กรณีทรู-ดีแทคควบรวมกันประกอบกิจการโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่เป็นความรู้สึกด้านลบต่อทุนใหญ่ ที่รัฐบาลต้องช่วยกัน เพราะไม่ใช่แค่กิจการโทรคมนาคม แต่กระจายไปถึงกิจการพลังงาน กิจการค้าปลีก และอื่นๆ ซึ่งในฐานะ กสทช ก็ต้องพยายาม สร้าง SMEs ให้เติบโตขึ้นด้วย แต่ก็ยากเพราะธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานต้องใช้การลงทุนสูงมาก

ทางด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยอยู่ในอนุกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการควบรวมกิจการทรู-ดีแทค ว่าเป็นห่วงถึงการที่ประชาชนบ่นถึงค่าบริการและคุณภาพ จะต้องมีการบริหารจัดการที่ดีกว่านี้ และสำนักงานกสทช. ควรแสดงศักยภาพมากกว่านี้ ทำให้ผู้ประกอบการสร้างความพึงพอใจให้ประชาขน โดยเฉพาะทางเลือกที่มีจำกัดของประชาชน กสทช ยิ่งต้องมีมาตรการเข้มข้นขึ้น เพราะประเทศอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ภาระต้นทุนหนักที่ค่าพลังงาน แต่รายได้เข้ากระเป๋าน้อยลง ประชาชนเดือดร้อนเมื่อรู้สึกค่าโทรศัพท์ไม่ถูกลงอย่างตั้งใจไว้ ทำให้ผิดหวัง แถมยังมีภัยคอล เซ็นเตอร์ เกิดขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว และรัฐบาลกำลังเร่งทำวิธีทางเพื่อช่วยเรื่องรายได้ของประชาชนโดยด่วน