สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ว่านายอาลี บาเกรี รมช.กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวถึงบรรยากาศตึงเครียดในทะเลแดง ที่กองกำลังฮูตีในเยเมนโจมตีเรือบรรทุกสินค้าซึ่งแล่นผ่าน ว่ากลุ่มฮูตีตัดสินใจ และเคลื่อนไหวทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง


การที่ประเทศผู้มีอำนาจบางฝ่าย โดยเฉพาะสหรัฐและอิสราเอล “ได้รับความเจ็บปวด” จากการโจมตีของกลุ่มฮูตี ไม่ควรนำไปสู่การตั้งคำถามมากมาย “เกี่ยวกับความเป็นจริง” ด้านความแข็งแกร่งของกลุ่มฮูตี


ท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลเตหะรานเกิดขึ้น หลังหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐเผยแพร่ “หลักฐาน” อ้างเป็นข้อมูลข่าวกรอง ว่าอิหร่านมอบความสนับสนุนทั้งโดรน ขีปนาวุธ และข้อมูลขการข่าวทางยุทธศาสตร์ให้แก่กลุ่มฮูตี เพื่อใช้ปฏิบัติการในทะเลแดง


ขณะที่นายฮอสเซ็น เอเมียร์-อับโดลลาเฮียน รมว.กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ ว่าแม้รัฐบาลวอชิงตันกับรัฐบาลเตหะรานไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน แต่สหรัฐเคยประสานงานโดยตรงมายังอิหร่าน ขอให้ห้ามปรามกลุ่มฮูตี ไม่ให้โจมตี “สิ่งที่เป็นผลประโยชน์” ของสหรัฐและอิสราเอลในตะวันออกกลาง ซึ่งอิหร่านตอบกลับไปว่า ไม่เคยสนับสนุนกลุ่มฮูตีให้ดำเนินการแบบนี้ จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะไปสั่งห้ามได้


ด้านกองกำลังฮูตีออกแถลงการณ์ ว่าจะปฏิบัติการในช่องแคบบับ เอล-มันเดบ ที่อยู่ทางตอนใต้สุดของทะเลแดง และเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือสายสำคัญ เชื่อมระหว่างทวีปยุโรปกับทวีปเอเชีย “ต่อให้สหรัฐรวบรวมสมัครพรรคพวกจากทั่วโลกเพื่อหยุดยั้งก็ตาม”


ทั้งนี้ กลุ่มฮูตีซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวจะสิ้นสุด เมื่ออิสราเอลยุติ “อาชญากรรมร้ายแรง” ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และเปิดทางให้มีการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่พื้นที่ “ด้วยความราบรื่น”


อนึ่ง การที่ความเสี่ยงในการเดินเรือผ่านทะเลแดงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนหลายอย่างของบริษัทเดินเรือเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้บริษัทชิปปิ้งชั้นนำหลายแห่งของโลก พร้อมใจระงับการเดินทางเรือผ่านทะเลแดง และเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ นำโดยบริษัท เมอส์ก จากเดนมาร์ก เอ็มเอสซีของสวิตเซอร์แลนด์ และเอเวอร์กรีนของไต้หวัน โดยเมอส์ก กล่าวว่า จะเปลี่ยนไปอ้อมผ่านแหลมกู๊ดโฮป ที่แอฟริกาใต้แทน.

เครดิตภาพ : AFP