เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีมติเห็นชอบ (ร่าง) แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยในระยะเริ่มต้น สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ดำเนินการพัฒนาระบบฯ ให้รองรับเฉพาะการย้ายกรณีปกติก่อน ผ่าน “ระบบจับคู่ครูคืนถิ่น Teacher Matching System (TMS)” โดย ศธ. เตรียมเปิดตัวระบบจับคู่ครูคืนถิ่น TMS มอบเป็นของขวัญวันครูตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และจะเปิดให้ใช้งานระบบได้ในที่ 16 ม.ค. 67

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนการทุจริตการสอบบรรจุครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่มีการร้องเรียนประธานและอนุกรรมการข้าราชการครู ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาบางเขตฯ ว่า ร่วมกันทุจริตในการคัดเลือกครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2566 ซึ่งต่อมาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีที่มีการร้องเรียนดังกล่าวแล้ว และได้นำส่งผลการสืบสวนมายังสำนักงาน ก.ค.ศ. โดย ก.ค.ศ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อทำการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของประธานและอนุกรรมการข้าราชการครูใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาดังกล่าว และยับยั้งการปฏิบัติหน้าที่ของประธานและอนุกรรมการข้าราชการครูใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษานั้น เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ก.ค.ศ. มีมติจนกว่า ก.ค.ศ. จะมีมติเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาดังกล่าว พิจารณาเลือกผู้แทนในคณะอนุกรรมการปฏิบัติหน้าที่ประธานไปพลางก่อน เพื่อให้องค์ประกอบครบตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ. กำหนด

“ผมได้สั่งการให้ สพฐ. ที่เป็นต้นสังกัดของผู้ที่ถูกร้องเรียนในเรื่องดังกล่าว ไปดำเนินการตรวจสอบ และตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างเร่งด่วน เรื่องนี้ถือเป็นพฤติกรรมที่ขัดกับนโยบายของผม ที่ห้ามไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกเรื่องอย่างชัดเจน ดังนั้นจะต้องไม่ปล่อยผ่านไปเฉยๆ ใครทำไม่ถูกต้องก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว

ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ดังกล่าวเกษียณอายุราชการไป 3 ปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยได้ แต่ทางสำนักงาน ก.ค.ศ. สามารถดำเนินการทางอาญาได้ ส่วนกรรมการ อ.ก.ค.ศ.เขตฯ ที่พบว่าเป็นข้าราชการสังกัด สพฐ. นั้น จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป สำหรับผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาเขตดังกล่าวนั้น เท่าที่ตรวจสอบ ณ ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชี้ว่าเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบสวนอย่างรอบด้านให้ละเอียดอีกครั้ง.