พล.อ.ต.อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพได้ใช้ช่องทางออนไลน์ในการหลอกลงทุนจำนวนมาก และมีประชาชนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ซึ่งทาง สกมช. ได้ติดตามกรณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พบว่าที่กำลังระบาดอยู่ตอนนี้ คือ การชักชวนลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยแอบอ้างคนดัง หรือเซียนหุ้นที่มีชื่อเสียงของไทย โดยการชวนเหยื่อด้วยการโฆษณาในแพลตฟอร์มโซเซียลมีเดีย อ้างว่าจะให้คำแนะนำเรื่องหุ้นฟรี เมื่อสนใจและถูกดึงเข้ากลุ่มไลน์ โอเพน แชต แล้ว ก็จะมีหน้าม้าชักชวนให้รู้จัก ผู้ช่วยของคนดัง หรือเซียนหุ้นคนนั้นๆ

จากนั้นจะถูกผู้ช่วย ขอข้อมูลส่วนบุคคล ที่อยู่ และเงินที่มีหรือพร้อมที่จะลงทุน เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็จะส่งหนังสือของคนดัง หรือเซียนหุ้นให้ พร้อมตีสนิท ชวนคุย อย่างต่อเนื่องทุกเช้า กลางวัน เย็น นอกจากนี้ในทุกๆ เย็น จะมีคนที่อ้างว่าเป็นคนดัง หรือเซียนหุ้นตัวปลอม โดยใช้ไลน์ปลอม มาแนะนำการลงทุน และจะมีหน้าม้า มาชื่นชมว่าข้อมูลที่ให้ ช่วยทำให้หน้าม้าคนนั้นๆ มีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง 3-4 วัน  พร้อมทำหลักฐานที่ได้ผลกำไรปลอมมาโชว์ว่าได้กำไรจริง จากคำแนะนำของซียนหุ้นคนดัง

พล.อ.ต.อมร กล่าวต่อว่า เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ ผู้ช่วยที่เป็นหน้าม้าก็จะชวนลงทุนในแพลตฟอร์มพิเศษ หรือให้ฝากเงินลงทุนในพอร์ตของคนดัง เมื่อนำเงินไปลงทุนแล้ว ก็จะโชว์หลักฐานที่ปลอมแปลงว่าได้กำไรจำนวนมาก แต่เมื่อเวลาเหยื่อจะถอนเงิน พวกมิจฉาชีพเหล่านี้ก็จะอ้างว่า เงินถูกทางการของประเทศนั้นๆ ตรวจสอบหรืออายัด หรือมีค่าธรรมเนียม จะต้องโอนเงินเข้ามาเพิ่ม เมื่อเหยื่อเงินหมด ก็จะไปยืมเงินญาติพี่น้อง เมื่อเงินที่เสียหายมีจำนวนมากขึ้น ก็จะเริ่มสงสัย ถึงรู้ว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก จึงไปแจ้งความกับตำรวจ

“เราได้ส่งทีมแฝงตัวเข้าไป ก็พบว่า มิจฉาชีพกลุ่มนี้มีฐานอยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งบางครั้งมิจฉาชีพเหล่านี้ส่งข้อมูลมาในไลน์ แต่ลืมแปลเป็นภาษาไทย ข้อมูลเป็นภาษาจีน อย่างไรก็ตามเชื่อว่า มีคนไทยที่เป็นหน้าม้าเข้าร่วมอยู่ในกลุ่มมิจฉาชีพด้วย จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อกลวิธีหลอกลงทุนลักษณะนี้ จึงขอให้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เช่น เพจมิจฉาชีพพวกนี้ มีผู้ติดตามจะมีจำนวนไม่มาก แม้จะมีการซื้อโฆษณา ซึ่งที่ผ่านมาคนมีชื่อเสียง และเซียนหุ้นที่ถูกแอบอ้าง ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่ได้เล่นโซเชียล หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนลักษณะนี้ และให้ฉุกคิดว่า ตามปกติแล้ว กลุ่มคนมีชื่อเสียงเหล่านี้ คงไม่ได้มีเวลาว่างมาตอบไลน์เป็นการส่วนตัวแบบนี้แน่นอน” พล.อ.ต.อมร กล่าว

พล.อ.ต.อมร กล่าวต่อว่า ทาง สกมช. ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอด และทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ทันมิจฉาชีพเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ โดยข้อมูลต่างๆ ทางเจ้าหน้าที่รัฐจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อติดตามกลุ่มคนร้าย รวมถึงประสานแพลตฟอร์มโดยตรง เพื่อดำเนินการปิดกั้นเพจหลอกลวงเหล่านี้ต่อไป เนื่องจากปัจจุบัน ยังไม่มีช่องทางรีพอร์ตไปที่แพลตฟอร์มที่ได้ผล และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ อไอ ของแพลตฟอร์ม ก็ยังตรวจจับไม่ได้ทั้งหมด

“สกมช. จะทำการประสานไปยัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อนำเรื่องนี้ขึ้นเป็นคดีพิเศษ เพราะมีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหารือกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ว่าการปล่อยให้มีการนำรูปบุคคลที่มีชื่อเสียงมาแอบอ้าง และปล่อยให้มีการซื้อโฆษณาโดยไม่คัดกรอง และเกิดการหลอกลวงประชาชนจนเกิดความเสียหาย จะเข้าข่ายมีความผิดด้วย” พล.อ.ต.อมร กล่าว