จากกรณี เกิดเหตุ ร.ต.ท.ณรงค์วัส ทะชาดา รอง สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก ยิงนักธุรกิจหนุ่มเสียชีวิตอย่างอำมหิต บนทางด่วนฉลองรัช กม.10 เหนือถนนประดิษฐ์มนูธรรม กรุงเทพฯ ก่อนชิงเอารถคนตายเป็นรถตู้ฮุนได เอช 1 สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ขับหลบหนีไป เหตุช่วงกลางดึกคืนวันที่ 29 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมานั้น

ร.ต.ท.สุดอำมหิต! ทะเลาะนักธุรกิจบนทางด่วน ชักปืนยิงเจ็บ ก่อนย้อนมายิงซ้ำจนตาย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 66 เจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เปิดเผยวินาทีระทึกขวัญให้ฟังว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ขับรถถึงจุดเกิดเหตุ บนทางพิเศษ (ด่วน) ฉลองรัช กม.10 ขาออกเหนือถนนประดิษฐ์มนูธรรม ใกล้เคียงซอยประดิษฐ์มนูญธรรม 5 พบรถตู้ฮุนได เอช 1  สีดำ ทะเบียนป้ายแดง จอดในลักษณะชนขอบสะพานทางด่วน สังเกตพบชาย 2 คน ทะเลาะวิวาทชกต่อยกันข้างรถ ชายถูกทำร้ายนอนอยู่บนพื้นถนน มีชายคนร้ายซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นตำรวจขึ้นไปนั่งคร่อม ในมือขวาถือปืน 

ต่อมาได้ยินเสียงปืน 2 นัด คาดถูกยิงที่ขาขวาและใต้ท้องแขนขวา ต่อมาคนร้ายได้ขึ้นไปขับรถตู้หนีไป เจ้าหน้าที่การทางพิเศษฯ จึงเข้าไปช่วยเหลือคนเจ็บ โดยชายที่ถูกยิง ขอให้โทรฯ ไปบอกภรรยา โดยคนเจ็บบอกเบอร์โทรฯ และพูดคุยด้วยตัวเองว่าถูกยิง บอกให้ภรรยาพาลูกหลบหนีออกจากบ้านพัก กลัวคนร้ายตามไปยิง

ช่วงขณะนั้นรถตู้คันที่ขับหลบหนีไป ขับรถวนกลับมาจอดบนทางด่วนฝั่งขาเข้า ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ คนร้ายคนเดิมถือปืนลงมาจากรถและกระโดดข้ามแบริเออร์กั้นเกาะกลางมาหาคนเจ็บ เจ้าหน้าที่การทางพิเศษจึงหลบเข้าไปอยู่ในรถและขับรถเลยมาจากจุดเกิดเหตุเล็กน้อย และมองกระจกหลังเห็นชายคนร้ายใช้ปืนจ่อยิงคนเจ็บอีกหลายนัด และรีบวิ่งกลับไปที่รถตู้ขับหลบหนีไป ขณะนั้นมีรถโดยสารประจำทาง สาย 34E สีน้ำเงิน วิ่งทางด่วนรังสิต 1-2E(14) ทะเบียน 16-6264 กรุงเทพมหานคร ขับมาประสบเหตุพอดี คาดโชเฟอร์น่าจะเห็นคนร้ายใช้ปืนจ่อยิงที่ศีรษะ เมื่อเห็นว่าคนร้ายหนีไปแล้ว จึงให้รถโดยสารจอดรถขวางศพไว้ ไม่ให้รถมาวิ่งทับศพ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ร.ต.ท.ณรงค์วัส ทะชาดา รอง สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก ผู้ก่อเหตุ จบนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 75 อีกทั้งมีข้อมูลว่า ผู้เสียชีวิตที่เป็นนักธุรกิจ เคยมาปรึกษาคดีความกับทางผู้ก่อเหตุ กระทั่งสนิทสนมกัน และได้ชักชวนให้มาทำงานพิเศษ ช่วงไม่ได้เข้าเวร โดยให้มาช่วยขับรถให้ อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ลงมือที่แน่ชัดอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน พร้อมจะเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี.