นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การจัดการดินและปุ๋ย ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อการผลิตพืชให้ได้ปริมาณและคุณภาพ เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยต้องนำเข้าปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศถึงร้อยละ 98 ประกอบกับปุ๋ยเคมีมีราคาแพง และไม่มีเสถียรภาพ ทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรสูงขึ้น ดังนั้น จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้ประกาศเป็นนโยบายให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับส่งเสริมให้เกษตรกรมีการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ 4 ถูก คือ ถูกสูตร ถูกอัตรา ถูกเวลา และถูกวิธี และใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินหรือปุ๋ยสั่งตัด ซึ่งเป็นการใช้ปุ๋ยตามสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินและความต้องการของพืช และเป็นการใช้ปุ๋ยที่มีความแม่นยำเฉพาะพื้นที่ รวมทั้งส่งเสริมให้ใช้อย่างผสมผสานร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง ที่เกษตรกรจะต้องเผชิญ และเป็นการสร้างความยั่งยืนทางการเกษตร ตอบโจทย์โมเดลเศรษฐกิจ BCG
กรมส่งเสริมการเกษตร โดยกองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย จึงได้ใช้กลไกของศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) และศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) เพื่อให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการดินและปุ๋ยที่ถูกต้อง มีการใช้ปุ๋ยเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาศักยภาพของเกษตรกรให้สามารถจัดการดินปุ๋ยและอารักขาพืชเพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิต โดยใช้กระบวนการโรงเรียนเกษตรกรซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่ได้จำกัดแค่การอารักขาพืช แต่นักส่งเสริมการเกษตรสามารถนำกระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวนี้ไปใช้ในการส่งเสริมการผลิตพืชทั้งระบบ ตั้งแต่การปลูกพืชพันธุ์ดี การให้น้ำ ปุ๋ย การอารักขาพืช การจัดการดูแลตั้งแต่ปลูก จนกระทั่งเก็บเกี่ยว ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ใช้หลักการ Less for more ทำน้อยได้มาก ยึดนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ของรัฐบาลควบคู่กับการทำงานร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่
“ปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตรมี ศดปช. ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านดินและปุ๋ยของชุมชน เป็น ศดปช. หลัก และเครือข่ายทั่วประเทศรวมกันประมาณ 2,000 ศูนย์ และพร้อมพัฒนาศักยภาพนักส่งเสริมการเกษตรให้เป็นพี่เลี้ยงขับเคลื่อน ศดปช. ที่จะตั้งขึ้นใหม่ตามความต้องการของเกษตรกร โดยไม่จำกัดว่าเป็น ศดปช. หลัก ศดปช. เครือข่าย ขอเพียงเกษตรกรมีความต้องการ และพร้อมที่จะเรียนรู้วิชาการด้านดินและปุ๋ย เพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ นำไปสู่การยกระดับคุณภาพผลผลิต รายได้ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”