เมื่อวันที่ 7 ม.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุขและ สส.น่าน พรรคเพื่อไทย, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้ง สส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้วและเลขาธิการพรรค, น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ดและรองหัวหน้าพรรค, น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด, นายนรากร นาเมืองรักษ์ สส.ร้อยเอ็ด, นายกิตติ สมทรัพย์ สส.ร้อยเอ็ด, นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ, นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม, นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์, น.ส.ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย, น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย ร่วมกันลงพื้นที่โรงพยาบาลจตุรพักตรพิมาน อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ตรวจเยี่ยมความพร้อมในการดำเนินนโยบาย ‘30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’ ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมกับอีก 3 จังหวัด นำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี และนราธิวาส

สำหรับจังหวัดร้อยเอ็ด ได้แสดงความพร้อม 100% ในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในหน่วยบริการทุกระดับเป็นระบบเดียวทั้งจังหวัดเรียบร้อยแล้ว รวมถึงระบบ Provider ID ของบุคลาการทางการแพทย์ ให้สามารถออกประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ ออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล สิทธิบัตรทอง สามารถใช้บริการที่คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม ร้านแล็บ ร้านยาเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ สำหรับผู้ที่ยืนยันตัวตน หากมีแอปพลิเคชันหมอพร้อม จะมีข้อมูลสุขภาพและประวัติการรักษาในหมอพร้อม สามารถจองคิวเข้ารับบริการ ให้บริการการแพทย์ทางไกล เภสัชกรรมทางไกล นัดหมายออนไลน์ได้ ใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอย ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง มั่นใจว่าประชาชนจะได้รับความสะดวกในการเข้ารับบริการมากยิ่งขึ้น

โดย น.ส.แพทองธาร และคณะได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลจตุรพักตรพิมาน เพื่อตรวจเช็กระบบประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์, การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ใบสั่งยา/ใบสั่งแล็บออนไลน์ การแพทย์ทางไกล, เภสัชกรรมทางไกล การนัดหมายออนไลน์ ส่งยาและเวชภัณฑ์ที่บ้าน (Health Rider) และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมสอบถามถึงความพร้อมในการบริการประชาชนด้านต่างๆ พร้อมทักทายและพูดคุยกับประชาชนที่มารับบริการ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้มีส่วนร่วมกับนโยบายนี้ จากการเยี่ยมชมความพร้อมในการให้บริการประชาชนก็ขอชื่นชมบุคลากรทุกท่าน ซึ่งทำให้มีกำลังใจมากๆ ว่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่จะสามารถอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนได้มากขึ้นอีก จากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ริเริ่มดำเนินการเมื่อ 22 ปีที่แล้วโดยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่นำโดยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพี่น้องประชาชนทุกคนเคยใช้และได้ประโยชน์ วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะอัปเกรดให้ดีขึ้นและสะดวกกับพี่น้องประชาชนมากขึ้น

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เห็นการพัฒนาและความก้าวหน้าของนโยบายนี้ ทำให้มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นการทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้นจริงๆ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันผลักดันนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ที่ทุกคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่วันนี้เราพิสูจน์แล้วว่าเป็นไปได้และทำให้ชีวิตของทุกท่านๆ ดีขึ้นมาตลอด 22 ปีนี้ ต่อจากนี้รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้นโยบายที่ดี ยิ่งดีขึ้นไปอีก เพื่อทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้นไปอีก นอกจากนี้รัฐบาลยังมีนโยบายดีๆ ที่จะผลักดันให้พี่น้องประชาชน ทั้งซอฟต์พาวเวอร์ เพิ่มตำแหน่งงาน การแก้ปัญหายาเสพติดเด็ดขาด การยกระดับราคาสินค้าเกษตรและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็ขอขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่ทำให้เราได้มีโอกาสมาทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนดีขึ้นอีกครั้ง

ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาว่าจะต้องเริ่มต้นขับเคลื่อนภายใน 100 วัน ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นการวางภาพอนาคตระบบสาธารณสุขรูปแบบใหม่ เพื่อปิดช่องว่าง ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชน ภายใต้เป้าประสงค์หลัก ‘ยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน’ ซึ่งรัฐบาลตั้งใจที่จะทำให้ ‘บัตรประชาชน เปรียบเสมือนบัตรสุขภาพ’ ของคนไทยทุกคน ที่จะสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล ทั้งของรัฐ เอกชน คลินิกเอกชน ร้านยา ห้องแล็ ห้องปฏิบัติการ รวมถึงร้านยาใกล้บ้าน

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในระยะแรก จะนำร่องใน 4 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์ นราธิวาส และแพร่ ซึ่งวันนี้เปิดพร้อมกันทั้ง 4 จังหวัด ในระยะที่ 2 ต้นเดือนมีนาคม จะขยายในอีก 8 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ พังงา และในระยะที่ 3 เมื่อเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลได้ครอบคลุมก็จะขยายให้ครบทุกจังหวัด ภายใน 1 ปี โดยตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาโรงพยาบาลในรูปแบบเดิมไปสู่ระบบการให้บริการแบบดิจิทัล เพื่อให้พี่น้องได้รับความสะดวก เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในทุกหน่วยบริการให้เป็นระบบเดียว ให้บริการสุขภาพในรูปแบบดิจิทัลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด ในการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน

จากนั้น น.ส.แพทองธาร และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมความพร้อมของร้านขายยา คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานเอกชนที่ได้เข้าร่วมโครงการไว้ เพื่อแสดงความพร้อมของการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งระบบอย่างแท้จริง ก่อนที่เวลา 17.00 น. จะร่วมพิธีเปิดงานนโยบาย ‘บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่’ ณ ลานสาเกตนคร อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด