ตัดสินใจออกมาเปิดใจครั้งแรกแล้ว สำหรับสาวสวย เมรี คำภีร์ ลูกสาวคนสวยของ ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ที่ล่าสุดขอเคลียร์ใจดราม่ารัก เลิก งัดหลักฐานสู้ตอบโต้ดุเดือดกับอดีตแฟนนักร้องหนุ่ม แอมมี่ เดอะบอตทอมบูลส์ พร้อมเปิดความรู้สึกหลังเห็นโพสต์ขอโทษของอีกฝ่าย เรื่องนี้จะจบยังไง มีโอกาสคืนดีไหมทั้งหมด ในรายการคุยแซ่บshow แบบจัดเต็ม

เมรี เผยว่า “จุดเริ่มต้นรัก เขาเป็นเพื่อนของรุ่นพี่กรุงเทพคริสเตียน ติดต่อมา คบกันปกติ คบมา 1 ปี แล้วก็เกิดเรื่องที่ทุกคนเห็นกัน ซึ่งถามว่าเราตัดสินใจนานไหม ก็ตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. แล้ว ไม่ได้บอกพ่อบอกแม่ เพราะปัญหาระหว่างหนูกับเขา ปัญหามันเกิดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนทำเอ็มวีด้วยกัน สุดท้ายก็ได้เลิกกัน ถามว่าตัดสินใจนานไหม ว่าจะบอกทุกคนยังไง ตอนลงไม่ได้บอกทุกคน เพื่อวันหนึ่งลูกมาดู นี่มันคือยุคโซเซียล วันหนึ่งลูกก็ต้องรู้ว่าใครคือพ่อ ลูกจะได้เห็นคลิปนี้ ที่โพสต์ไม่ได้โพสต์ตามหาพ่อเลย เพราะแทบจะไม่พูดถึงเขาเลย มีแต่พูดกับลูก ที่มีคนถล่มเขา ถ้าพูดแบบตามความรู้สึกจริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่เขาควรจะได้รับอยู่แล้ว แต่ว่าเจตนาของเมมันไม่ใช่ ไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้นเลย เมคิดน้อยด้วยซ้ำ เพราะว่าเราลืมไปว่าเขาก็เป็นคนดัง เราก็เป็นลูกพ่อ แล้วอีกอย่างเจตนาที่เมตั้งใจลงคลิปวันนั้น เพราะมันมีข่าวนักร้อง จริงๆ หนูตั้งใจนะ เพราะว่าอยากให้ข่าวเขากลบหนู มันจะได้ดูเบาหน่อย แต่กลายเป็นว่าดังกว่า มันก็เลยผิดแผนไปหน่อย ตอนนั้นหนูมองว่าท้องเริ่มออกแล้ว จะให้ปิดไปตลอดมันก็ไม่ได้ รู้สึกว่ามันจะต้องเปิดแล้ว”

“เรื่องพฤติกรรมเขา มีคนเตือนเมมาตั้งแต่คบแรกๆ แล้ว โดนคนนู้น คนนี้เตือน ชาวเน็ตก็เตือนมาตลอด แต่เขาดีมากนะ ตอนที่คบกัน หมายถึงว่าเขาก็ดี ซื่อสัตย์นะ ไม่มีเรื่องผู้หญิง จนสุดท้าย ตอนจบมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ระหว่างทางมันดีมาตลอด หนูก็มองว่าเขาคงโตแล้วแหละ เพราะเขาก็ 35 เรื่องราวเก่าๆ ก็สมัยเขายังเด็ก อีกอย่างหนูเห็นตอนที่เขาดูแลลูกของเขา หนูก็เห็นเขาเป็นพ่อที่ดีคนหนึ่ง ไม่ใช่ว่าไม่ดี หลายๆ อย่างของเขาจริงๆ มันดี ไม่ได้แย่ไปซะหมด ที่ตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะช่วงหลังมันไม่ดี มันชัดเจนว่าเขาแปลงร่างแล้ว ไม่ใช่ร่างเดิมแล้ว ไม่ใช่คนเดิม ที่ตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว นอกจากจะกลัวว่าถ้าลูกอยู่ตรงนี้ อยู่ในสภาพแวดล้อมนี้ อยู่กับครอบครัวนี้ มันจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา แต่เมกลัวว่าเขาจะซึมซับนิสัยเหล่านั้นมามากกว่า เพราะเขาอารมณ์รุนแรง เมกลัวเขาจะติดนิสัยหรือซึมซับอะไรเหล่านั้นมา อีกเหตุผลที่ตัดสินใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะว่าหนูผ่านจุดนั้นมาแล้ว ผ่านจุดที่ไปตามเขา ซึ่งมันแย่มาก รู้สึกว่าพอ แรงเกินไปแล้ว ไม่ไหว ไปสุดแล้ว เวลาที่ใช้นะ ก็นั่นแหละประมาณ 3 อาทิตย์ ตามประมาณ 1 อาทิตย์ แต่ตัดสินใจอีก 2 อาทิตย์ที่เหลือ อยู่กับตัวเอง อยู่คนเดียว”

เมรี เล่าต่อว่า “ที่เขาโพสต์แชตมาสู้กลับ โกรธอยู่แล้วแหละที่แชตมันมาไม่ครบ แต่ที่เสียใจกว่าคือ ทำไมทำร้ายกันอีก เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่หนูลงคลิปไป หนูก็บอกว่าให้ลูกดู อย่างต้นคลิปหนู ก็มีการไปอัดเพิ่ม แก้ข่าวให้เขาในบางเรื่อง ทุกอย่างคือหนูปกป้องเขาด้วยซ้ำ แต่พอมันเกิดประเด็นมา กลายเป็นว่าเขาก็มาลงที่หนูอีกแล้ว มาใส่ที่หนูอีกแล้ว หนูเลยรู้สึกว่าพอแล้ว ทำร้ายเมพอแล้วมั้ง ตอนนั้นคือเสียใจเรื่องนี้มากกว่า ถ้าอารมณ์ตอนนั้นไม่มีสติสัมปชัญญะละ เมบอกได้ รอแป๊บ เมไลฟ์เลยทันที ไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่จริงๆ เมอัดคลิปไว้แล้ว คำพูดอะไรเหมือนกัน แต่มีสติกว่า คำพูดจะเย็นกว่า แต่ยังไม่ได้ลง วันนั้นก็เป็นเวอร์ชั่นที่อารมณ์ล้วนๆ ผู้ใหญ่จริงๆ เขาบอกให้หยุดตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ไลฟ์ด้วยซ้ำ ให้อยู่นิ่งๆ แต่พอมันเกิดเรื่องนี้ หนูหยุดไม่อยู่ คุณพ่อจะบอกผ่านแม่มา เขาไม่คุยกับหนู จริงๆ มันเป็นสิ่งที่เขาสอนตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เพราะหนูเกิดมาในครอบครัวที่พ่อเป็นคนดัง เขาจะสอนตลอดด้วยคำว่านิ่ง เงียบ แต่หนูเป็นคนเดียวที่ไม่เคยทำได้เลย ตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้คุยกับพ่อ แต่คุยผ่านแม่ น่าจะก่อนเหตุการณ์ที่เขาโพสต์แชต มีส่ง sms หาพ่อว่า พ่อเมขอโทษนะ เมรักพ่อนะ ซึ่งวันนั้นก็เลยทำให้พ่อโทรฯ หาแม่ ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อก็ไม่โทรฯ หาแม่ด้วยเหมือนกัน เขาก็บอกแม่ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเลี้ยง ต้องดูแลกันไป ไม่เป็นไร แต่ยังไม่ได้มาคุยกับหนู จริงๆ พ่อไม่ดุ แต่พ่อนิ่ง เงียบ ซึ่งอันนี้น่ากลัวที่สุดรักพ่อนะ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง และขอบคุณที่ซัพพอร์ตกัน”

“จริงๆ เมกับพี่สาวไม่คุยกันมาเกือบปีแล้วนะ ทะเลาะกัน แต่สุดท้ายก็กลับมาคุยกับหนู เพราะเรื่องนี้ เรื่องประชุมสายคุยกับพ่อ มันไม่เชิงประชุมสาย คือคุยกับแม่แล้วหนูอยู่ข้างๆ คือคุยสิ่งที่จะตกลงกับทางนู้นเรื่องลูก แล้ววันที่เขาโพสต์ขอโทษ หนูไม่กล้าตอบตอนนี้เลย กลัวอารมณ์ หนูก็รับคำขอโทษแหละ ก็ขอบคุณที่อย่างน้อยในการขอโทษของเขายังเอ่ยความจริงในบางเรื่องออกมา แต่ถ้าอยากขอโอกาสมาทำหน้าที่พ่อ ยังก่อน ยังไม่อยากตอบเรื่องนี้ ยังไม่อยากตอบตอนที่ยังใช้อารมณ์อยู่ ที่มันดูหนังคนละม้วน ก็ไม่แปลกใจที่จะคิดกันอย่างนั้น เข้าใจได้ เพราะแชตเขามาอย่างนั้น แชตเต็มหนูก็มีของหนู เขาก็มีของเขา แต่สุดท้ายถ้าขอโทษแล้วจบเรื่องก็โอเค ให้อภัยไหม ไม่รู้ ยังสับสนต้องใช้เวลา อย่างเมื่อวานตอนที่เมอ่านข้อความเขา บางเวลาให้อภัยก็ได้ อ่านแล้วซึ้งจัง แต่สักพักอ่านแล้วหมั่นไส้ คือมันมีหลายอารมณ์มาก ตอนนี้เลยยังตอบไม่ได้ ถ้าเขามาง้อใจอ่อนไหม ไม่ค่ะ พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งลูกเมเป็นคนขอขึ้นมาเองว่าอยากเจอพ่อ อันนี้เมจะพาไปเจอ ไม่ต้องเลี้ยง ไม่ต้องส่งเสียไม่ต้องอะไร ถ้าลูกอยากเจอ ถ้าเป็นความต้องการของลูก ไม่ว่าจะบรรลุนิติภาวะหรือยัง หนูให้ลูกตัดสินใจได้เลยว่าอยากเจอพ่อไหม ถ้าวันหนึ่งลูกเรียกร้องขึ้นมาก็ไปได้เลย แม่จะพาไป ตอนรับรองบุตร รับรองบุตรไม่มีชื่อเขา การเซ็นรับไม่ต้อง ขีดไปเลย ทุกคนอาจจะมองว่าเมใช้อารมณ์ เมเห็นคอมเมนต์ที่บอกว่าฝั่งหนึ่งลดแล้ว เมจะลดไหม เมอยากให้เข้าใจว่า เมจะมาตรงนี้ได้ มันก็โหดร้ายสำหรับเมมาพอสมควร แล้วเมก็รู้ว่าเขาเป็นยังไง เขาจะสามารถปรับได้แค่ไหน ถ้าเกิดลูกเมอยู่ตรงนั้น เขาต้องเจออะไรบ้างเมรู้ เมเห็นหมดแล้ว เมเลยรู้สึกว่าทางนี้คือทางที่ดีที่สุด”

“ตอนมีปัญหาหนักๆ หมายถึงปัญหาคู่รัก ไม่เลยค่ะ พ่อไม่ได้ชอบเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่เมคบกับเขา พ่อก็ไม่คุยกับเมเหมือนกัน ถ้าให้พูดตรงๆ เมปรึกษาไม่ครบ เพราะบางเรื่องเมรู้สึกว่าถ้าเล่าให้พ่อแม่ฟัง เขาจะเป็นห่วง หนูก็ไม่ได้เล่าทั้งหมด เราเน้นเล่าเรื่องดีๆ ซะมากกว่า เมื่อไหร่พ่อจะมาหาหนูดีกว่า มันเป็นปกติของที่บ้านอยู่แล้ว พ่อไปทัวร์ก็ไปหาไม่ได้ หนูก็รอพ่อกลับบ้าน ถ้าดูตารางงานพ่อ คือไม่มีว่างเลย เมเองก็เป็นซึมเศร้า เคยเป็นหนักช่วงยังเรียนมหาวิทยาลัย แต่หนูว่ามันก็ไม่เคยหายหรอก ตอนนี้หนูแค่รู้สึกว่าหนูควบคุมมันได้ หนูไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนหนูไหม คือหนูจะมีอีกร่างหนึ่ง จริงๆ เมเป็นคนขี้กลัวมาก กลัวตาย แต่เมื่อไหร่ที่เมเข้าสู่โหมดซึมเศร้า เมจะเริ่มเข้าร่างที่อยากทำร้ายตัวเอง แต่ร่างที่กลัวตายก็ยังมาตีกับมันอยู่ หนูรู้สึกว่าที่หนูดีขึ้นได้ เพราะหนูอยากหายด้วย ก่อนหน้านี้เราทำหน้าที่เป็นแอดมิน แต่หยุดไปแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่อง เพราะก่อนหน้านี้เราดูแลโซเซียลของเขาทั้งหมด ลงคลิป ตัดคลิปลงให้ คิดคอนเทนต์ และใน tiktok เอ็มวีล่าสุดของเขา เราเป็นคนทำ ความรู้สึกที่มีต่อเขา ก็ยังหวังดีอยู่ และการที่เขาออกมาโพสต์ขอโทษ ก็เป็นความหวังดีกับเขา คนอาจจะไม่ให้อภัยทั้งหมด แต่ส่วนหนึ่งก็ให้อภัยเขามากขึ้น ถามว่ายังมีความรักเหลือไหม หนูไม่รู้ว่ามันคือความรักไหม แต่ความทรงจำดีๆ ยังอยู่มากกว่า ไม่รู้เรียกว่ารักไหม เพราะเขาก็รู้ว่าหนูหวังดีกับเขาแค่ไหน ฝากถึงเขาหยุดทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่น ต่อไปนี้ทำเพื่อลูก ถ้ามันต้องอยู่นิ่งๆ เพื่อลูก ก็ต้องทำเพื่อลูก เรื่องลูกหนูอยากได้ลูกชาย”

“แต่เรื่องรับงานหลังจากนี้ นั่นคือความตั้งใจเลย เมนั่งคำนวณค่าเทอมลูกแล้ว มันต้องเริ่มแล้ว ก่อนนี้หลักๆ ทำยูทูบกับพ่อ แต่เราก็ทิ้งมันไปกว่าปีหนึ่ง ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ ปีหนึ่งที่ผ่านมา เรารับวาดรูป วาดรูปพ่อ และเขาก็ซื้อรูป ทำเสื้อพ่อ วาดหน้าคนเป็นหลัก แบบสีน้ำ ร้องเพลงก็ได้นะ เบื้องหลัง ทำคลิป ตัดต่อได้หมด”