ช่วงหลังโค้ชทีมฟุตบอลทีมชาติไทย มักใช้บริการชาวต่างชาติ ซึ่งเมื่อไม่ได้ใช้คนไทย ภาษาเดียวกับนักฟุตบอล ทำให้ต้องมีคนกลาง “ล่าม” แปลภาษา ที่จะมาเป็นคนสำคัญ เรียกว่าจะรุ่งหรือจะร่วง ล่ามก็เป็นปัจจัยเช่นกัน ว่าถ่ายทอดวิชาได้ดีแค่ไหน และช่วยเหลือโค้ชดีแค่ไหน

อย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าโค้ชช้างศึก ชุดปัจจุบัน ก็มีล่ามที่คุ้นมือกันคือ “จ๋าย” เฉลิมชัย ชินเชิดพงศ์ ที่หน้าตาละม้ายคล้าย อิชิอิ อยู่ไม่น้อย

ก่อนจะรู้จัก ล่ามจ๋าย ก็ต้องย้อนไปถึงล่ามของโค้ชทีมชาติไทยคนก่อน ในยุคของ อากิระ นิชิโนะ โค้ชชาวญี่ปุ่น ล่ามคนแรกคือ “ล่ามกร” ณฐกร เกียมกีรกุล ทำหน้าที่ข้างกาย รายนี้ถือว่าทำงานได้ดี ถ่ายทอดคำสั่งจาก นิชิโนะ ไปถึงนักเตะครบถ้วน เข้าใจในฟุตบอลพอสมควร ก่อนที่ ล่ามกร จะเปลี่ยนงาน บริษัทต้นสังกัดส่งไปทำงานกับ เอฟซี ริวกิว ที่มี “เจ้าย้า” สิทธิโชค ภาโส จากนั้นก็กลับมาไทย

ส่วน นิชิโนะ ไปคว้า ยูกิ ธีรเนตร ทานากะ มาเป็นล่ามแทน แบบงงๆ ว่าเป็นใคร ว่ากันว่าค่อนข้างมีปัญหา ล่ามยูกิ เองตอนแรกก็ยอมรับว่าไม่รู้ศัพท์ฟุตบอลนัก ทำให้ว่ากันว่านำสารจาก นิชิโนะ ไปสู่นักเตะได้ไม่ดี บางทีงงเป็นไก่ตาแตก ว่าหมายถึงอะไรกันแน่ กลายเป็นตลกร้าย แล้วก็เป็นช่วงสำคัญศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ก่อนที่ไทยจะตกรอบ ทั้ง นิชิโนะ ทั้งล่ามยูกิ แยกทางกับทีมชาติไทย สรุปว่าพัง

จากนั้น มาโน โพลกิง มีล่ามคู่ใจที่เคยทำงานกันมานาน “เอ็กซ์” วสพล แก้วผลึก คนนี้จะว่าเป็นล่ามก็ไม่เต็มปาก เรียกว่าผู้ช่วยโค้ชมากกว่า เขาเคยทำงานกับ ไบรอัน ร็อบสัน ครั้งคุมทีมชาติไทย มุ่งเอาดีทางโค้ชเข้าอบรม ดีกรีไม่ธรรมดา ตอนนี้กำลังจบหลักสูตรชั้นสูง “โปรไลเซนส์” แล้ว ความรู้ฟุตบอลไม่ต้องห่วง แถมยังถ่ายทอดสารจากมาโน ได้แทบร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งคำพูด อารมณ์ มาเต็ม

ล่าสุด ยุค มาซาทาดะ อิชิอิ มี “ล่ามจ๋าย” เฉลิมชัย ชินเชิดพงศ์ ที่แม้จะหน้าคล้าย แต่ไม่ได้เป็นญาติ อิชิอิ ซึ่ง ล่ามจ๋าย ทำงานกับ อิชิอิ ตั้งแต่ยังคุม สมุทรปราการ ซิตี้ ผลงานร่วมกันคือ พา เขี้ยวสมุทร จบอันดับ 6 ไทยลีก 2019 และนำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ทริปเปิลแชมป์ 2 ฤดูกาลติด 2021-22 กับ 2022-23

เขาบอกว่า เหตุที่เลือกทำงานกับ อิชิอิ เพราะความเป็นมืออาชีพ มีระเบียบวินัยวางแผนทำงานต่อเนื่อง ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน แม้จะเป็นโค้ชที่เก่งแล้ว แต่ อิชิอิ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ขณะที่เป้าหมายในการทำงานเกี่ยวกับฟุตบอล คืออยากพัฒนาฟุตบอลระดับเยาวชน เพื่อต่อยอดไปในระยะยาว ส่วนทีมชาติไทยก็อยากมีส่วนร่วมในการยกระดับฟุตบอลทีมชาติ ให้อยู่ในระดับท็อปของเอเชียและเข้าร่วมฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายให้ได้

ถือว่าเป็นขุนพลคู่ใจของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่มีหน้าที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะจากอดีตที่ผ่านมา จะเห็นว่าล่ามของโค้ชทีมชาติไทย มีอิทธิพลถึงขั้นทำให้ “ปัง” หรือ “พัง” เลยทีเดียว.