เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ร.ต.อ.ธีระ เอียดชะตา รอง สว.(สอบสวน) สภ.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ( 24 ก.ย.) ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รพ.หาดสำราญเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ว่ามีด.ช.วัย 11 ปี ถูกทำร้ายร่างกายเข้ามารับรักษาและเสียชีวิต หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ พบร่าง ด.ช.เบียร์ (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี ชาว ต.หาดสำราญ นักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งนอนเสียชีวิต ในสภาพมีร่องรอยฟกช้ำ และบวมบริเวณจมูกมีเลือดไหลออกมาหน้าผากและหัวเข่าด้านซ้าย ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนต่างวัย คือ ด.ช.หนึ่ง (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนเดียวกัน

ต่อมาทาง นายวิวา เก้าเอี้ยน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านปากปรน ต.หาดสำราญ ได้นำตัว ด.ช.หนึ่ง ผู้ก่อเหตุ พร้อมด้วยพ่อเลี้ยง และแม่ ของด.ช.หนึ่ง เข้ามารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตาย พร้อมเพื่อน 3 คน ได้ชักชวนกันไปเล่นเกมมือถือภายในห้องนอนที่บ้านของผู้ก่อเหตุ จนกระทั่งช่วงเที่ยงวัน พ่อเลี้ยงของผู้ก่อเหตุได้เรียกให้ผู้ก่อเหตุไปกินข้าว โดยที่เพื่อน 3 คน ยังคงเล่นเกมมือถือกันอยู่ภายในห้องนอน

ต่อมา ผู้ก่อเหตุกลับเข้าห้องนอนปรากฏว่ามีดพก ขนาดความยาวประมาณ 5 นิ้ว ซึ่งเป็นของผู้ก่อเหตุ ที่ตั้งไว้ใต้หมอนหนุนภายในห้องนอนได้หายไป จึงได้สอบถามเพื่อนๆว่ามีใครเห็นหรือไม่ หรือใครขโมยไป  แต่ไม่มีใครยอมรับ กระทั่งผู้ตายได้เดินออกจากห้อง และเดินออกจากบ้านของผู้ก่อเหตุทันที ทำให้ผู้ก่อเหตุได้ตะโกนให้หยุด แต่ผู้ตายไม่ยอมหยุด ผู้ก่อเหตุจึงวิ่งตามไปห่างๆ และตะโกนขู่ฆ่า ทำให้ผู้ตายควักมีดพกที่ขโมยมาส่งกลับคืนให้ ด้วยความโมโหผู้ก่อเหตุจึงได้ใช้เท้าเตะเข้าไปบริเวณก้านคอ 1 ครั้ง และผู้ตาย ได้เดินไปต่อได้ประมาณ 4 เมตร ก่อนจะล้มหมดสติคว่ำหน้าลงกับพื้นถนนลูกรัง ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเดินกลับไปบ้าน และบอกกล่าวกับพ่อเลี้ยงที่นอนอยู่บนเปลญวนหน้าบ้าน เพื่อให้ไปช่วยดูผู้ตายที่นอนสลบอยู่บนพื้นถนน

จากนั้นทั้งพ่อเลี้ยง แม่ผู้ก่อเหตุได้ช่วยกันอุ้มผู้ตายกลับมานอนที่บ้าน เพื่อดูอาการและพยายามช่วยเหลือแต่ผู้ตายไม่ฟื้น จึงขอความช่วยเพื่อนบ้านขับรถไปส่งรพ. แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา

 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้เพราะยังเป็นเยาวชน จึงให้ญาตินำกลับไปดูแลที่บ้าน พร้อมทั้งให้ผู้นำชุมชนรับรอง โดยในวันที่ 27 ก.ย.นี้ จะมีการสอบสวนพร้อมสหวิชาชีพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.