เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พล.ต.ต.สนธยา แต่แดงเพชร ผบก.สส.ภ.3 พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี พ.ต.อ.ชาญชัย อินนรา ผกก.สส. ภ.จว.อุบลราชธานี, พ.ต.อ.ทศพร เพียรปรุ ผกก.สส. 2 บก.สส.ภ.3 เจ้าหน้าที่ บก.สส.ภ.3 เจ้าหน้าที่สืบจังหวัดอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 3 นำเจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการร่วมกันสืบสวนขยายผลจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา พร้อมยึดทรัพย์สินของกลุ่มขบวนการเครือข่ายค้ายาเสพติดออนไลน์ที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน พบเงินหมุนเวียนในขบวนการนี้กว่า 100 ล้านบาท

โดยปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังจับกุมกลุ่มคนร้าย จำนวน 2 คดี ได้แก่คดีที่ 1 กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่าย “แอร์ ลาว” ทำการล่อซื้อยาเสพติดกับเฟสบุ๊คชื่อ “แอร์ ลาว” และ ตรวจยึดยาบ้า 6,000 เม็ด ได้ในพื้นที่ สภ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี และคดีที่ 2 กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่าย “ทะวีโชก” ทำการล่อซื้อยาเสพติดกับไลน์ชื่อ “ทะวีโชก” ตรวจยึดยาเสพติด(ยาบ้า) 10,000 เม็ด ได้ในพื้นที่ สภ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผลและสะกดรอยติดตามกลุ่มคนร้ายอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 ราย ได้พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้า 70 มัด มัดละ 2,000 เม็ด รวมทั้งหมด 140,000 เม็ด ได้ในพื้นที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี

พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า จากการสืบสวนขยายผลและตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของกลุ่มคนร้ายทั้ง 2 คดี พบว่า กลุ่มคนร้ายทั้ง 2 คดี มีความเชื่อมโยงกันโดยมีกลุ่มนายทุนชาวลาวและคนไทยบางส่วนที่อาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอยู่เบื้องหลัง ซึ่งกลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันลักลอบจำหน่ายยาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นส่วนๆ คือ 1.กลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีและเบอร์โทรศัพท์(บัญชีม้า,เบอร์ม้า) 2.กลุ่มนักบิน(ชาวไทย) 3.กลุ่มจัดการทางการเงินและจัดหาบัญชีสนับสนุนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและฟอกเงิน(ชาวไทย) 4.กลุ่มแอดมินและเป็นนายทุนชาวลาวโดยประกอบธุรกิจอำพรางอยู่ฝั่งประเทศลาว และพบเงินหมุนเวียนในขบวนการนี้กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งผลการปฏิบัติการในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ร่วมกันทำการตรวจยึดยาบ้า ได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 156,000 เม็ด และยึดอายัดทรัพย์สิน รวมถึงอายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 20 บัญชี ยอดมูลค่าทรัพยสินที่ถูกยึดและอายัดรวมทั้งสิ้นมีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และสามารถดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้าย จำนวนทั้งหมด 14 ราย โดยมีการจับกุมผู้ต้องหา(นักบิน)ในที่เกิดเหตุ 2 ราย และขยายผลออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่กลุ่มเปิดบัญชีม้า กลุ่มจัดการทางการเงิน จนกระทั่งถึงกลุ่มนายทุนชาวลาว เพิ่มเติมอีก รวมจำนวนทั้งสิ้น 12 ราย จับกุมผู้ต้องหาตามหมายได้ 2 ราย คงเหลือหลบหนีอีก 10 ราย ซึ่งจะได้ติดตามจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.