ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ก่อนจะมีการจับกุมตนกับภรรยา รวบรวมข้อมูลมานานพอสมควร ก่อนไปแจ้งความดำเนินคดี โดยที่ปรึกษา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ไม่มีใครทราบเรื่องนี้แม้แต่คนเดียว ต่อมาวันที่ 28 พ.ย. 2566 ด้วยความรำคาญ จึงไปหานายศรีสุวรรณ ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่บ้านพัก โดยให้นายหมู ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ไปเป็นพยาน ไม่ได้ไปจ่ายเงิน และไม่ได้ไปคุยเรื่องเคลียร์เงิน แต่ไปคุยว่าผลการสอบสวนการร้องเรียนโครงการต่างๆ ที่ถูกร้องเรียนออกมาแล้ว ตนไม่ได้ผิดอะไร จึงไปถามว่าจะเรียกร้องอะไร นายศรีสุวรรณก็ไม่ได้ตอบโต้กลับ จากนั้นนายศรีสุวรรณ ได้มาแถลงข่าวร้องเรียนเรื่องฝนหลวง และไม่ได้พบกันอีก มีเพียงภรรยาที่ไปพบเท่านั้น ยืนยันว่าการให้เงินนายศรีสุวรรณทุกครั้งนั้น เป็นการล่อซื้อที่ได้หารือกับตำรวจแล้ว

“ด้วยความคับแค้นเจ็บใจ และความที่ผมเป็นคนหัวร้อน ผมกับภรรยาจึงวางแผนเพื่อไม่ให้ รมว.เกษตรฯ เดือดร้อน จึงจ้างทนายความมาสู้คดี ตายเป็นตาย ถ้าผมผิดก็ต้องถูกสอบสวน ผลการสอบสวนก็ชี้ชัดว่าไม่ได้ผิด เมื่อนายศรีสุวรรณ ถูกจับ จึงโทรศัพท์ไปแจ้งให้ รมว.เกษตรฯ ทราบและขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยท่านก็ให้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขอบคุณ ร.อ.ธรรมนัส ที่ให้กำลังใจในการทำงาน และขอบคุณกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ที่ทุ่มเทเป็นแรมเดือนเพื่อทำงานในครั้งนี้”

เมื่อถามว่ามีอดีตนักการเมืองชื่อ ป. สั่งให้เงียบหรือไม่ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ไม่ทราบ ใครจะพูดอะไรไม่ทราบ ต้องฟังจากปากตนเท่านั้น หลังเกิดเรื่องมีคนโทรฯ มาหาตนก็ไม่รับสาย และไม่มีใครโทรฯ หาภรรยาด้วย ยืนยันว่าโครงการต่างๆ ของกรมการข้าวตรวจสอบได้ทั้งหมด จึงไม่รู้ว่าทำไมถึงตกเป็นเป้า แต่ทราบว่ามีการร้องเรียนเข้ามา แต่จ่าหน้าซองผิด แทนที่จะเป็น รมว.เกษตรฯ กลับจ่าหน้าเป็นชื่อตน จึงรู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ก่อนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา

เมื่อถามว่า มีการโยกย้ายงบประมาณของกรมการข้าวไปให้หน่วยงานอื่นดูแล ถือว่าผิดปกติหรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ ตอบว่า งบโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,000 ล้านบาท นั้น เป็นงบที่ไม่ได้ใช้ กรมการข้าวไม่ได้บริหารเอง จึงต้องโอนไปให้ ธ.ก.ส. บริหารจัดการต่อ ซึ่งมีมติ ครม. ออกมาแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ นายณัฏฐกิตติ์ แถลงข่าวเสร็จอยู่บริเวณโถงชั้น 1 ของกระทรวงเกษตรฯ กลุ่มสื่อมวลชนกำลังจะแยกย้ายกันกลับ ปรากฏว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ เดินทางจากทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระทรวงเกษตรฯ เห็น นายณัฏฐกิตติ์ แถลงข่าวอยู่จึงเดินเข้าไปหา พร้อมให้กำลังใจ และกล่าวว่า เรื่องคดีความนั้น ไม่มีการปรึกษา ตั้งแต่มีการร้องเรียนตั้งแต่ปี 2566 ปลัดกระทรวงได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนผลจะออกมาว่าไม่มีความผิด จะไปเอาผิดอธิบดีไม่ได้ โดยเฉพาะประเด็นงบฯ 15,000 ล้านบาท แล้วจะไปเอาผิดได้อย่างไร แต่เมื่อเป็นประเด็นสังคม นายกรัฐมนตรีก็สั่งให้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกครั้ง ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ที่ผ่านมาก็สั่งย้ายข้าราชการมากมาย ต้องใช้กฎหมายไม่ใช่กฎหมู่ ส่วนประเด็นนายหมู ไปพบนายศรีสุวรรณด้วยนั้น อธิบดีกรมการข้าวได้ชี้แจงแล้ว แต่เชื่อว่ามีหลายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ที่ถูกร้องเรียน เพียงแต่ไม่มีใครเปิดหน้า อย่างตนก็ถูกร้องเรียนจากนักร้องเรียน บางเรื่องเป็นเรื่องเก่า ตอนนี้ต้องปัดกวาดเช็ดบ้านให้สะอาด หากมัวแต่มานั่งซัดคนเก่า ไม่ใช่สไตล์ธรรมนัส

เมื่อถามว่า อยากบอกอะไรอธิบดีกรมการข้าวหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ต้องบอกอะไร เป็นนักรบอยู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวคุยกันทุกวัน ไม่ต้องพูดอะไรมาก ส่วนกรณีอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ที่ถูกร้องเรียน ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ทราบเรื่องที่มีการเรียกเงิน 100 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าว