สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) สั่งลงดาบกลุ่มผู้สื่อข่าวชาวอิรัก ที่ก่อเหตุปรี่เข้าไปเอาเรื่อง เฆซุส คาซาส กุนซือชาวสเปนของทีมชาติอิรัก ในระหว่างการแถลงข่าวหลังเกม เอเชียน คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งพลิกกลับมาพ่าย จอร์แดน 2-3 ตกรอบไปอย่างเจ็บแสบ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการยึดเอดี การ์ด พร้อมแบนจากการทำหน้าที่ตลอดช่วงที่เหลือของทัวร์นาเมนต์ รวมถึงทัวร์นาเมนต์อื่น ๆ ของ เอเอฟซี เป็นการถาวรด้วย

เฆซุส คาซาส

ในเกมดังกล่าว อิรัก เสีย 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ พลิกกลับมาแพ้ จอร์แดน 2-3 ตกรอบไปอย่างเจ็บแสบ และในระหว่างการแถลงข่าวหลังเกม ขณะที่ คาซาส กำลังตอบคำถาม ปรากฏว่ามีผู้สื่อข่าวอิรักกลุ่มหนึ่งที่ไม่พอใจ ปรี่เข้าไปหาถึงโต๊ะแถลงข่าว แต่ยังดีที่เจ้าหน้าที่มากันตัวออกไปได้ทัน แต่กลุ่มผู้สื่อข่าวก็ยังคงตะโกนด่าทอกุนซือเลือดกระทิงดุไม่หยุด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเชิญตัวสื่อเหล่านั้นออกจากห้องแถลงข่าวไป

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ล่าสุด “เอเอฟซี” แถลงการณ์ถึงบทลงโทษกลุ่มสื่อชาวอิรักดังกล่าว โดยระบุว่า “เอเอฟซี ผิดหวังอย่างยิ่งกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างการแถลงข่าวหลังเกม อิรัก กับ จอร์แดน และได้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่จะสั่งลงโทษห้ามกลุ่มที่ก่อเหตุจากการทำหน้าที่ในศึก เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 รวมถึงทัวร์นาเมนต์อื่น ๆ ของ เอเอฟซี ด้วย การได้เอดี การ์ด มาทำหน้าที่ในทัวร์นาเมนต์นี้ ถือเป็นสิทธิพิเศษ ซึ่งต้องมาพร้อมความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ตามมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งผู้ที่ละเมิดมาตรฐานเหล่านี้ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา”

“เมื่อเกิดพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความไม่ปลอดภัย เอเอฟซี จะดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และปกป้องชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ของทัวร์นาเมนต์ของเรา และเรามั่นใจว่าการดำเนินการของเรากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จะเป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก เพราะมันจะเป็นการบอกให้ทุกคนได้ทราบว่าพฤติกรรมแบบนี้จะไม่เป็นที่ยอมรับ”

ขณะที่สมาคมฟุตบอลอิรัก ออกมาประณามพฤติกรรมของกลุ่มสื่อดังกล่าวเช่นกัน รวมถึงอาจมีการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีกุนซือของทีมด้วย โดยระบุผ่านแถลงการณ์ว่า “เราขอประณามพฤติกรรมที่ครึกโครมและน่ารังเกียจ ที่เกิดขึ้นกับโค้ชของเรา และเรายืนยันว่าเราตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้สื่อข่าวกลุ่มนี้ ซึ่งอาจสร้างความวุ่นวายอีกในอนาคต และเราจะเสาะหาวิธีการทางกฎหมาย เพื่อปกป้องชื่อเสียงของโค้ชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเพื่อชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้น”