เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ม.ค. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในเวลา 14.00 น. ในคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ หรืออดีตทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2566 เพื่อพิจารณาวินิจฉัยสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ สืบเนื่องจากกรณีที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง 

โดยคณะตุลาการทั้ง 9 ท่าน ประกอบด้วย นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายปัญญา อุดชาชน นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ นายนภดล เทพพิทักษ์ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม รัฐอมฤต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่าเป็นการใช้สิทธิ เสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ศาลก็จะสั่งให้หยุดการ กระทำ แต่จะไม่มีกรณีการสั่งยุบพรรค เพราะในคำร้องไม่ได้ระบุไว้ หรือหากมีการยื่นร้องขอ ก็ไม่สามารถสั่งได้ เพราะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง จะต้องพิจารณาว่าผิดหรือไม่ ซึ่งหากเห็นว่าผิด จึงส่งมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรค แต่หากศาลเห็นว่าไม่ผิด ศาลก็ยกคำร้อง

สำหรับบรรยากาศตลอดช่วงเช้าวันนี้ พบว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำศาลรัฐธรรมนูญ วางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดบริเวณโดยรอบอาคารราชราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย พร้อมติดเอกสารแจ้งเตือน บริเวณแผงรั้วเหล็กที่นำมากั้นไว้ ให้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติของสื่อมวลชนและประชาชน เข้ามาติดตามการพิจารณาคดีดังกล่าว โดยเฉพาะสื่อมวลชน ต้องแลกบัตรที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญออกให้ และติดตัวไว้ตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งอนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่ห้องรับรองสื่อมวลชนและบริเวณห้องโถงหน้าห้องรับรอง โดยขอให้งดการสัมภาษณ์บริเวณหลังรั้วเหล็กที่เจ้าหน้าที่นำมาติดตั้งไว้เพื่อรักษาความปลอดภัย สงบ และเรียบร้อย ป้องกันการกระทำที่ละเมิดศาลรัฐธรรมนูญ.