เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ก.พ. 2567 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ทาง กมธ. จะบรรจุระเบียบวาระการพิจารณางบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมการข้าว และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ตามที่ปรากฏตามข่าวที่เกี่ยวข้องกับนายศรีสุวรรณ จรรยา และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ซึ่งทาง กมธ. มีหน้าที่วิเคราะห์พิจารณาศึกษางบประมาณอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้รับคำถามจำนวนมากในส่วนของงบประมาณทั้ง 2 กรม ว่ามีการส่อเค้าความทุจริตหรือไม่ ตนจึงอยากใช้พื้นที่ กมธ. ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย เบื้องต้นได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กมธ. ได้ตรวจสอบข้อร้องเรียนแล้ว และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร รวมถึงได้ประสานไปยังอธิบดีทั้ง 2 กรม ปรากฏว่าอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ยืนยันว่าวันที่ 15 ก.พ. ตารางงานว่าง ดังนั้น ทาง กมธ. จะได้ออกหนังสือเชิญมาประชุมในวันดังกล่าว โดยในวันนี้ (1 ก.พ.) ในที่ประชุมก็จะขอมติในที่ประชุมเพื่อบรรจุระเบียบวาระที่จะมีการประชุมในวันที่ 15 ก.พ. จึงหวังว่าอธิบดีกรมฝนหลวงฯ จะเข้ามาชี้แจงด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมการข้าว ซึ่งขณะนี้ประสานไปยังอธิบดีแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันเพราะเจ้าหน้าที่ประสานงานแจ้งว่าอธิบดีขอดูหนังสือเรียกประชุมก่อน
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนต้องการให้ใช้เวที กมธ. เป็นพื้นที่เปิดโอกาสให้อธิบดีได้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และ กมธ. จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยจะพิจารณาว่าการใช้งบประมาณในส่วนนี้ มีปัญหาบกพร่องตรงไหนที่สังคมควรจะรับทราบบ้าง โดยทาง กมธ. ต้องการให้พิจารณาในวันที่ 15 ก.พ. อธิบดีทั้ง 2 คน มาชี้แจงด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมายให้นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไปศึกษางบประมาณของกรมการข้าวมาโดยตลอด และนายกรุณพล ก็ได้เข้าร่วมประชุม กมธ. ที่เกี่ยวกับกรมการข้าวด้วยเช่นกัน

ด้านนายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนได้เคยสอบถามจากรองอธิบดีกรมการข้าวที่มาชี้แจงกับ กมธ. เมื่อเดือน ต.ค. 66 ถึงข้อสงสัยต่างๆ ที่มีประชาชนและข้าราชการในกรมการข้าวร้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณที่วันนี้งบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ในโครงการบีซีจีข้าวรักษ์โลกของกรมการข้าว ก็ได้ถูกโอนย้ายไปเป็นเงินอุดหนุนเกษตรกรแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัยในบางโครงการ แม้จะเป็นเงินเล็กน้อย เช่น งานวันข้าวแห่งชาติในปี 66 ใช้งบในการจัดงาน 5 ล้านบาท แต่สิ่งที่เราลงไปเจอคือมีการใช้ให้หน่วยงานราชการ เจ้าหน้าที่ของภาครัฐ เป็นผู้จัดจ้างงาน เป็นผู้ทำงาน และใช้อุปกรณ์ภาครัฐในการจัดงาน ทั้งๆ ที่ในทีโออาร์เขียนว่าให้ออแกไนซ์เป็นผู้จัดงาน ซึ่งเป็นคำถามที่เราถามไปยังกรมการข้าว แต่จนบัดนี้ ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้วยังไม่ได้คำตอบ และล่าสุดในวันที่ 4-6 มิ.ย. จะมีการจัดงานวันข้าวแห่งชาติ โดยกรมการข้าวใช้งบ 15 ล้านบาท เราจึงอยากขอคำชี้แจงจากอธิบดีกรมการข้าวว่า ทำไมถึงต้องเพิ่มงบขึ้นอีก 10 ล้านบาท ถือว่าเหมาะสมหรือไม่กับสภาพเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันนี้ และผู้ใดเป็นผู้ได้รับสัมปทานในงานนี้ เป็นเจ้าเดิมหรือไม่ ยังจำเป็นต้องใช้พนักงานของภาครัฐเข้ามาจัดซื้อจัดจ้างและเข้ามาทำงานเองหรือไม่ เพราะข้อกล่าวอ้างว่าเอกชนไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ
นายกรุณพล กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมีงบประมาณการจัดซื้อปุ๋ยจุลินทรีย์ รวมถึงโครงการข้าวรักษ์โลก ทั้งที่ปัจจุบันเราทราบดีว่าปุ๋ยในประเทศขาดแคลน ทำให้ราคาปุ๋ยสูงขึ้นจาก 700 บาท เป็น 1,000 บาท ซึ่งทำให้เกษตรกรเดือดร้อนจากราคาปุ๋ย ทำให้เกิดโครงการปุ๋ยจุลินทรีย์ แต่ตัวชี้วัดการใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์ ทำให้ผลลัพธ์การผลิตข้าวเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน ซึ่งเราเห็นงบประมาณบางส่งที่ส่งปุ๋ยจุลินทรีย์ไปตามศูนย์ข้าวต่างๆ ในบริมาณที่เท่ากัน ทั้งๆ ที่ปริมาณศูนย์ข้าวแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน ซึ่งตั้งแต่รองอธิบดีกรมการข้าวเข้ามาชี้แจงจนถึงบัดนี้ยังไม่ได้คำตอบ และได้เพียงแค่คู่มือการใช้ปุ๋ย รวมถึงการพัฒนาพันธุ์ข้าวตั้งแต่อธิบดีคนปัจจุบันขึ้นมารับตำแหน่งมีความล่าช้า และมีข้อสงสัยมากมาย เราจึงหวังว่าข้อสงสัยเหล่านี้ อธิบดีจะเป็นผู้มาตอบคำถามด้วยตัวเอง
ขณะที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษ กมธ. กล่าวว่า ตั้งแต่ กมธ. ได้รับหนังสือร้องเรียนจากนายศรีสุวรรณ และนายยศวริศ นั้น มีการตั้งข้อสังเกตว่าอยากให้ประธาน กมธ. หรือเป็น สส. ของพรรคก้าวไกล ลงไปรับหนังสือ แต่เมื่อเรื่องถูกส่งเข้ามาใน กมธ. แล้ว ก็เป็นหน้าที่ของ กมธ. ที่จะต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งในส่วนของกรมฝนหลวงฯ มีข้อสังเกตที่แนบมาในหนังสือร้องเรียนคือมีการล็อกสเปกการจัดซื้อเครื่องบินจำนวน 2 ลำ มูลค่า 1,188 ล้านบาท โดยให้ประเทศเดียวในการส่งทีโออาร์เข้าร่วมประมูล และมีการไปดูงานที่บริษัทที่ส่งทีโออาร์เข้ามาร่วมประมูล
เมื่อถามว่า ตอนมายื่นหนังสือนายศรีสุรรณได้บอกเหตุผลหรือไม่ว่าทำไมต้องเป็น สส.พรรคก้าวไกลมารับหนังสือ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้บอก แต่ยืนยันว่าต้องเป็นพรรคก้าวไกล
เมื่อถามย้ำว่ามองหรือไม่ว่าพรรคก้าวไกลอาจถูกเป็นเครื่องมือได้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนนั้นได้ผ่านมาแล้ว และได้ปรากฏว่ามีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าทั้ง 2 คน ใช้ กมธ. เพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียกตบทรัพย์จริง ส่วนเนื้อหาในข้อร้องเรียนที่ให้เลขาฯ ตรวจสอบ พบว่าข้อมูลทุกอย่างในข้อร้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นชื่อโครงการ จำนวนงบประมาณต่างๆ ไม่ได้เป็นข้อความเท็จ ดังนั้น เราต้องดำเนินตามกระบวนการต่อไป ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ เช่น มีการล็อกสเปก การไปศึกษาดูงานกับต่างประเทศกับผู้รับเหมา ก็ต้องตรวจสอบต่อไป.