ขั้นตอนที่ 1 ประเมินความเสียหาย
เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น สิ่งแรกที่ควรทำคือประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถและทรัพย์สินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยควรถ่ายภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีที่มีคู่กรณี ควรบันทึกข้อมูลของคู่กรณีไว้ เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขทะเบียนรถ หมายเลขกรมธรรม์ประกันรถยนต์ รวมถึงการถ่ายรูปใบขับขี่หรือบัตรประชาชนเอาไว้ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้คือขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ที่สำคัญ ที่เราไม่ควรลืม เพื่อผลประโยชน์ของเราเอง

ขั้นตอนที่ 2 แจ้งเคลมประกันรถยนต์
หลังจากประเมินความเสียหายแล้ว ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ต่อไป ให้รีบแจ้งเคลมประกันรถยนต์กับบริษัทประกันโดยเร็วที่สุด โดยสามารถแจ้งเคลมผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

  • โทรแจ้งเคลมผ่านสายด่วนของบริษัทประกัน โดยสามารถโทรหาหลังจากเกิดอุบัติเหตุได้เลย
  • แจ้งเคลมผ่านเว็บไซต์ของบริษัทประกัน
  • แจ้งเคลมผ่านแอปพลิเคชันของบริษัทประกัน
  • แจ้งเคลมผ่านตัวแทนประกัน

ขั้นตอนที่ 3 เตรียมเอกสารประกอบการเคลม
เมื่อแจ้งเคลมประกันรถยนต์เรียบร้อยแล้ว หากว่าเป็นเหตุซึ่งหน้า ทางบริษัทประกันจะให้เจ้าหน้าที่ของทางบริษัทไปดูที่หน้างาน ซึ่งหากเป็นกรณีเช่นนี้จะเรียกว่าเป็นการเคลมสด แต่หากว่าเป็นการเคลมแห้ง หรือเคลมหลังจากเกิดอุบัติเหตุแล้ว บริษัทประกันจะส่งเอกสารประกอบการเคลมให้

ขั้นตอนที่ 4 นำรถเข้าอู่ซ่อม
เมื่อเตรียมเอกสารประกอบการเคลมครบถ้วนแล้ว ให้นำรถเข้าอู่ซ่อมที่อยู่ในเครือของบริษัทประกัน โดยอู่ซ่อมจะเป็นผู้ประเมินราคาซ่อมและดำเนินการซ่อมแซมรถให้ หากว่าอยู่ในวงเงินประกัน ทางอู่จะดำเนินการส่งเอกสารและเบิกเงินกับบริษัทประกัน โดยที่เราไม่ต้องไปเตรียมเอกสารเลย

ข้อควรระวังในการเคลมประกันรถยนต์
นอกจากขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์แล้ว มีข้อควรระวังที่เราควรรู้ดังต่อไปนี้

  • ควรแจ้งเคลมประกันรถยนต์ภายใน 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ
  • ควรเตรียมเอกสารประกอบการเคลมให้ครบถ้วน
  • ควรเลือกอู่ซ่อมที่บริษัทประกันกำหนด
  • ควรตรวจสอบรายละเอียดการเคลมให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการเคลมประกันรถยนต์ ซึ่งอาจจะทำให้เราเสียผลประโยชน์ได้


ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นอย่างถูกต้อง ก็จะทำให้การเคลมประกันรถยนต์เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เสียเวลา อย่างไรก็ตาม ควรศึกษารายละเอียดเงื่อนไขการเคลมประกันรถยนต์ของแต่ละบริษัทประกันให้ดี เพื่อจะได้เข้าใจสิทธิประโยชน์และหน้าที่ของตนเองในการเคลมประกันรถยนต์