จากกรณี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกมาเตือนพี่น้องประชาชน รวมถึงข้าราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ระวังภัยสังคมรูปแบบใหม่ โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะแอบอ้างว่าเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยด้วยการโทรศัพท์ไปเพื่อขอให้โอนเงิน แล้วจะใช้ LINE ซึ่งมีโปรไฟล์เป็นรูปปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมส่งเลขบัญชีที่จะให้โอนเงินไป หากใครหลงเชื่อไม่ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก็อาจจะต้องหลงกลสูญเสียเงิน โดยกตัวอย่างเหตุที่เกิดกับ นายณรงค์ชัย สกุลอ่อน นายอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง มาเป็นเรื่องเตือนภัยนั้น

ปลัดมท.เตือนภัยสังคม! หลังมิจฉาชีพปลอมเสียงตน พร้อมใช้ไลน์ปลอม หวังหลอกนายอำเภอ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าว นายสุทธิพงษ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ชื่นชมไหวพริบของ นายณรงค์ชัย สกุลอ่อน นายอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 2 ก.พ.67 มิจฉาชีพได้ใช้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไปยังนายณรงค์ชัย ทางหมายเลขโทรศัพท์ประจำตำแหน่งนายอำเภอ พร้อมทั้งส่งข้อความผ่านทาง LINE ซึ่งมีการใช้รูปโปรไฟล์ของนายสุทธิพงษ์ ลวงให้โอนเงิน โดยปลายสายแจ้งว่าให้ช่วยโอนเงินค่าซื้อสินค้า เป็นเงิน 86,000 บาท อ้างว่าแอปพลิเคชันธนาคารไม่สามารถใช้การได้ และจะให้เลขานุการของตนโอนเงินคืนภายหลัง พร้อมให้เลขบัญชีธนาคาร แล้วได้โทรฯ มาติดตามสอบถามเป็นระยะๆ ว่าได้โอนเงินไปให้หรือยัง

ในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งนายอำเภอกระบุรีได้พิมพ์ข้อความพูดคุยเพื่อประวิงเวลา พร้อมเดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ณ สภ.กระบุรี และทำการทดลองโอนเงินจำนวน 1 บาท เพื่อเป็นหลักฐานไว้ ทั้งนี้ ในระหว่างที่ลงบันทึกประจำวันอยู่นั้น บุคคลดังกล่าวได้ใช้การสนทนาแบบวิดีโอ (Video Call) ทาง Line แต่ไม่ยอมเปิดกล้องแสดงตน จึงยิ่งทำให้มั่นใจว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพแน่นอน จึงแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ส่วนวิธีการนั้น ถือเป็นภัยรูปแบบใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพได้พัฒนารูปแบบกลฉ้อฉลกลเม็ดใหม่ โดยผู้เสียหายได้รับสายโทรศัพท์ที่โทรฯ มาแล้วปลายสายไม่พูด ปล่อยให้เราพูดอยู่คนเดียวไปเรื่อยๆ แล้วก็วางสายไป ซึ่งหลายท่านคงคิดว่าเป็นเพราะสัญญาณไม่ดี แต่ความจริงแล้ว กำลังอาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่กำลังบันทึกเสียงสนทนาอยู่ แล้วนำข้อมูลเสียงที่ได้ไปแปลงเสียงโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI แปลงเสียงเพื่อใช้นำไปโทรฯ หาคนสนิทของเรา และหลอกลวงเอาเงิน ซึ่งการใช้ AI สร้างเสียงหรือการปลอมแปลงเสียง เรียกว่า “Voice Clone” (วอยซ์โคลน) ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพ และพบว่าเสียงจาก AI มีความสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งนี้ เมื่อมิจฉาชีพสืบค้นมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ก็จะมีการโทรฯ ไปหาญาติ คนใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน ของเจ้าของเสียง โดยสุ่มโทรฯ หาคนที่เป็นเพื่อนในโซเชียลมีเดีย โดยมักจะสร้างสถานการณ์ว่ากำลังตกอยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องใช้เงินด่วน ทำให้เราสงสาร แล้วรีบโอนเงินโดยไม่ทันยั้งคิด เช่น มีเหตุต้องใช้เงินด่วน ประสบอุบัติเหตุ เข้าโรงพยาบาล หรือแอปธนาคารขัดข้อง ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังปรากฏข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ทำให้บนโซเชียลต่างชื่นชมไหวพริบของ นายณรงค์ชัย สกุลอ่อน นายอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง กันจำนวนมาก และต่างยกให้เหตุการณ์นี้ ถือเป็นการเตือนภัยสังคมให้รับรู้ถึงภัยรูปแบบใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่พัฒนาจนนำข้อมูลเสียงไปแปลงเสียงโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ด้วย.