เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง สัมภาษณ์ถึงผลการเยือนประเทศศรีลังกา ว่า ผลการเยือนสำเร็จลุล่วงดีมาก ซึ่งตนดีใจเพราะว่าเป็นกลุ่มประเทศ เขตการค้าเสรี (FTA) ฉบับแรกที่รัฐบาลเซ็นมาได้ในทุกมิติ ซึ่งก็ต้องขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศที่ทำงานหนัก โดยมีการหารือกับภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลศรีลังกา ซึ่งก็เห็นโอกาสในการที่ทั้งสองประเทศจะพัฒนาและสานความร่วมมือให้ดีขึ้น ทั้งเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องมีเรื่องที่สานต่ออีกเยอะ ทั้งนี้การเดินทางเยือนศรีลังกาถือเป็นครั้งแรกของตน ซึ่งก็เหมือนทุกประเทศที่ตนไปมาคือบอกว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเปิดรับการลงทุน รวมถึงต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ในส่วนที่พูดน้อยไปหน่อยคือเรื่องศักยภาพของเอกชน หรือบริษัทใหญ่ๆ ของไทย รวมถึงรัฐวิสาหกิจ อาทิ ปตท. ที่มีศักยภาพสูงในการลงทุนข้ามชาติ โดยได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของประเทศศรีลังกาที่ต้องการพลังงานสะอาดที่มีเยอะ โดยมีหลายเขื่อนในประเทศที่สามารถทำระบบโซลาร์เซลล์ได้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ตนจะเรียนเชิญ CEO และประธานกรรม บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มาหารือว่าจะทำอย่างไร ในการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งมีอีกหลายประเทศที่ต้องการเทคโนโลยีของไทย ที่เราอาจจะมีเยอะกว่าเขา ก็ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีในการสานต่อการลงทุนข้ามชาติ

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า จะมีข่าวดีโดยในวันที่ 31 มี.ค.ในปีนี้ ซึ่งการบินไทย ก็จะกลับมาเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศศรีลังกาอีกครั้งหนึ่ง เพราะจากการพูดคุยกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องก็ทราบว่าในช่วงที่มีการบินอยู่ผู้โดยสารก็เต็มลำ วันนั้นก็หวังว่าจะสามารถสานสัมพันธ์ต่อได้

เมื่อถามว่าในแง่ของการลงทุนที่ศรีลังกา มีอุปสรรค หรือต้องการให้ทางการไทยช่วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี ก็ขาดแคลนเพียงด้านเทคโนโลยี ขณะที่เรื่องของการประมงก็จะมีการหารือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ส่วนภาคเอกชนก็จะมีการพูดคุยกันเองเพราะศรีลังกามีทรัพยากรทางน้ำเยอะมาก แต่วิธีการหรือเทคโนโลยีในการจับปลายังน้อยอยู่ ฉะนั้นถือเป็นช่องทางที่จะทำให้เอกชนไทยไปลงทุนได้ หรืออาจจะมีการพิจารณาตั้งโรงงานผลิตอาหารทะเลกระป๋องก็มีความเป็นไปได้สูง และหลังจากนี้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ก็จะเป็นผู้ดำเนินการต่อ