เมื่อเวลา 15.35 น. วันที่ 7 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า อ่านคร่าวๆ เรื่องของการทุจริตในการประชุมของคณะกรรมการชุดใหญ่ในเรื่องนี้คงมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ยืนยันว่าต้องตอบคำถามเรื่องนี้ให้ได้

เมื่อถามว่าข้อเสนอแนะส่วนหนึ่งเหมือนต้องการให้รัฐบาลระมัดระวังเรื่องการแจกเงิน นายเศรษฐา กล่าวว่า ระมัดระวังอยู่แล้ว อย่างที่ตนเรียนจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการ มีกลไกที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ส่วนจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาดูด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าคณะทำงานคงทำทุกอย่างที่ต้องเป็นการปกป้องและดูแลเรื่องผลประโยชน์อย่างสูงสุดของประชาชน โดยสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่หลังจากนั้นคงมีการแถลงใหญ่

เมื่อถามย้ำว่าข้อเสนอแนะ ป.ป.ช. ให้ปรับเกณฑ์แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางหรือผู้มีรายได้น้อย นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องไปดูเรื่องของหน้าที่ และสิ่งที่ ป.ป.ช.บอกมาว่าอย่างไรและเหตุผลคืออะไร ซึ่งก็ต้องดูหน้าที่ของ ป.ป.ช.คือการตรวจสอบ ทุจริตประพฤติมิชอบใช่หรือไม่ ส่วนนโยบายว่าจะให้ใครบ้างเป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องคำนึงถึงและน้อมรับคำและข้อสังเกตเรื่องของการทุจริต ตนเน้นตรงนี้ดีกว่าที่เกี่ยวข้องกับทาง ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช.สบายใจว่าตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน 

“อย่างที่บอกเรื่องของคนเปราะบางเริ่มจากวันแรกที่เราพูดคุยกันแล้วว่า ตรงไหนคือเปราะบาง ตรงไหนคือไม่เปราะบาง ถ้าผมบอกว่าต่ำกว่า 20,000 บาทเปราะบาง  ถ้าสูงกว่า 20,000 บาทไม่เปราะบาง หากคุณได้เงินเดือน 20,000 บาท คุณจะโต้เถียงหรือไม่ เพราะผมก็เปราะบางเหมือนกัน ผมก็มีหนี้เยอะ ต้องการการกระตุ้นเหมือนกันใช่ไหมครับ อันนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหมือนกัน ฉะนั้นทาง ป.ป.ช.หน้าที่ของท่านที่เสนอมาในเรื่องของการทุจริตต้องระมัดระวังตรงนี้ น้อมรับ“ นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามอีกว่าจุดหนึ่งในเรื่องการหาเสียงบอกว่าจะไม่กู้ แต่สุดท้ายประกาศออก พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อมาใช้ในโครงการดังกล่าวตรงนี้จะอธิบายอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องอธิบายให้ได้และต้องอธิบายให้เข้าใจ ขอดูทางออกสุดท้ายก่อน ยืนยันทุกความเห็นเราต้องมาคำนึงถึงใหม่หมด 

เมื่อถามย้ำว่ารู้สึกเหมือนถูกบีบให้ถอยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ที่ต้องบริหารจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว.