จากเหตุการณ์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อเอ็มจี รุ่นนิวเอ็มจี 3 สีขาว ทะเบียน 8 กจ 1711 กรุงเทพมหานคร มีชายไม่ทราบชื่อเป็นผู้ขับขี่ และหญิงนั่งด้านข้างคนขับขี่ ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ อายุ 20 ปี ได้มีพฤติกรรมพยายามขับรถแซงขบวนเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในขณะที่ขบวนกำลังแล่นผ่านทางด่วน พร้อมบีบแตรรถยนต์ลากยาวระหว่างขบวนเสด็จผ่านทางร่วมต่างระดับมักกะสัน และขับรถยนต์ด้วยความเร็วเพื่อไปให้ทันขบวน แต่เมื่อมาถึงบริเวณทางลงด่วนพหลโยธิน 1 (ทางลงด่วนอนุสาวรีย์ชัยฯ) เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่รถปิดท้าย ได้สกัดกั้นไม่ให้รถยนต์คันดังกล่าวลงไปร่วมกับขบวนได้ จึงปรากฏคลิปโต้เถียงดังกล่าว

ต่อมาตำรวจได้ชี้แจงว่า ช่วงเกิดเหตุ ขบวนเสด็จไม่ได้มีการปิดถนนแต่อย่างใด โดยมีรถนำตำรวจปิดหัวท้ายขบวนเท่านั้น ซึ่งประชาชนก็สามารถใช้ทางได้ตามปกติ แต่ผู้ก่อเหตุได้บีบแตรยาว ขณะที่ขบวนเสด็จแล่นผ่าน พร้อมพยายามจะขับแซงรถขบวนตำรวจปิดท้าย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามมาตรการใช้รถขวางตามยุทธวิธี ทั้งนี้ หลังเหตุการณ์ดังกล่าว มีการพูดถึงความไม่เหมาะสม และเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายตามที่เสนอข่าวไปนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 10 ก.พ. มีรายงานว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ดำเนินการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมมอบหมายให้ดำเนินคดีหากพบว่ามีการกระทำความผิด โดยเบื้องต้นหลังเกิดเหตุดังกล่าว ทาง สน.ดินแดง รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการออกหมายเรียกให้รับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดฐานที่เกี่ยวข้อง แต่ทาง น.ส.ทานตะวัน และพวก ไม่ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกครั้งที่ 1 ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากไม่เดินทางมารับทราบตามหมายเรียก ก็จะต้องพิจารณาออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้มีรายงานว่า สาเหตุที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ออกมาเปิดเผยถึงการดำเนินการกรณีดังกล่าว เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดกระแสเป็นประเด็นจนเกิดการตอบโต้และเป็นข่าว ซึ่งอาจจะทำให้ตรงกับเจตนาความต้องการของผู้กระทำที่ต้องการให้เกิด นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อหารือกับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., รองผู้บัญชาการที่กำกับดูแลกิจการความมั่นคงและสืบสวนสอบสวน และผู้เกี่ยวข้อง พร้อมกำชับการปฏิบัติด้วยตนเอง โดยให้ฝ่ายสืบสวนดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ว่ามีการตระเตรียมการมาก่อนหรือไม่ อีกทั้งกำชับทางพนักงานสอบสวน หากพบว่ามีการเข้าข่ายการกระทำความผิด ให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเร่งรัดให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า