สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ว่านายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ของสหรัฐ ว่าจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหาร ที่เมืองราฟาห์ ทางตอนใต้สุดของฉนวนกาซา ซึ่งมีพรมแดนติดกับอียิปต์ เพื่อกวาดล้างฐานที่มั่นที่ยังเหลืออยู่ของกลุ่มฮามาส

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์และแรงกดดันจากนานาชาติ รวมถึงสหรัฐและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งคัดค้านปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลที่เมืองแห่งนี้ เนื่องจากวิกฤติด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ เนทันยาฮู กล่าวว่า “จะมีการเปิดเส้นทางปลอดภัย” ให้ประชาชนในพื้นที่อพยพ ซึ่งมีจำนวนมากถึง 2.4 ล้านคน รวมถึงผู้ลี้ภัยมากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งเดินทางลงมาจากภาคเหนือของฉนวนกาซา แต่ผู้นำอิสราเอลยังไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าจะเป็นรูปแบบใด

ประชาชนสัญจรไปมาอย่างแออัด ในเขตใจกลางเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา

ทั้งนี้ทั้งนั้น เนทันยาฮูกล่าวถึงปฏิกิริยาของหลายประเทศ ว่าการห้ามไม่ให้อิสราเอลเข้าไปในเมืองราฟาห์ “ไม่ต่างอะไรกับเป็นการบอกให้อิสราเอลยอมแพ้ต่อกลุ่มฮามาส”

ขณะที่อียิปต์ยังคงสงวนท่าที เกี่ยวกับการที่อิสราเอลเตรียมปฏิบัติการทางทหารเต็มรูปแบบ ที่เมืองราฟาห์ อย่างไรก็ตาม เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวในรัฐบาลไคโร ว่าอาจระงับสนธิสัญญาสันติภาพ ฉบับปี 2522 ที่เป็นการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล หากอิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการภาคพื้นที่ดินที่เมืองราฟาห์ หรือผลักดันให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกมายังคาบสมุทรไซนาย ทางตอนเหนือของอียิปต์

นอกจากนี้ สถานีโทรทัศน์ช่อง 12 ของอิสราเอลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระดับสูง ว่าพล.ท.เฮอร์ซี ฮาเลวี ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมอิสราเอล ไม่เห็นด้วยกับการที่เนทันยาฮูต้องการให้กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ โดยกล่าวว่า แม้กองทัพมีศักยภาพเพียงพอ “ในทางเทคนิค” แต่ปฏิบัติการ “จะแทบไม่มีประสิทธิภาพ” หากขาดความสนับสนุนจากอียิปต์ และแผนบริหารจัดการผู้ลี้ภัยในพื้นที่.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES