จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ดำเนินการเกี่ยวกับคดีพิเศษที่ 57/2566 หรือคดีหุ้นสตาร์ค (STARK) ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญา รัชดาภิเษก เพื่อขอหมายจับนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (ผู้ต้องหา) ทายาทตระกูลธุรกิจสีทาบ้านชื่อดังแห่งประเทศไทย และในฐานะอดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “STARK” เพื่อเข้าควบคุมตัวที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก่อนเตรียมนำตัวส่งฟ้องศาลในวันที่ 12 ก.พ. ภายหลังจากที่นายวนรัชต์ แจ้งเลื่อนเข้าพบและรับฟังคำสั่งคดีจากพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเจ็บป่วยกะทันหันต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ รพ. จากนั้นพนักงานอัยการได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหามาฟ้องภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิด และหากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ ให้จัดการให้ได้ตัวมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 141 วรรคท้าย (ส่งผู้ร้ายข้ามแดน) โดยให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเคร่งครัด และตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดให้ครบถ้วน ต่อมาดีเอสไอได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่านายวนรัชต์นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ. เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจ รรท.อธิบดีดีเอสไอ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การกำกับของนายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์ฯ จำนวนหลายราย เข้าควบคุมตัวนายวนรัชต์ เพื่อป้องกันการหลบหนีก่อนถึงขั้นตอนนำตัวส่งฟ้องศาล ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 11 ก.พ. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีฯ เปิดเผยว่า จากที่ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าควบคุมตัวและเฝ้านายวนรัชต์  (ผู้ต้องหารายสำคัญ) ซึ่งอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้น ล่าสุดได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนว่า ภายหลังจากที่นายวนรัชต์ เข้ารับการผ่าตัดบอลลูนหัวใจ เจ้าตัวมีอาการปลอดภัย แต่ขณะนี้เรายังอยู่ระหว่างรอฟังความเห็นของแพทย์ว่ามีดุลพินิจอย่างไร ผู้ต้องหาสามารถให้ความช่วยเหลือตัวเองได้เพียงพอหรือไม่ เพราะเราก็ให้ความสำคัญถึงสิทธิของผู้ป่วยแม้จะอยู่ในสถานะผู้ต้องหา

นอกจากนี้ ในขั้นตอนของการแจ้งข้อกล่าวหาหรือพฤติการณ์ในคดี รวมถึงสิทธิที่ผู้ต้องหาพึงได้รับ ดีเอสไอได้มีการดำเนินการไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนมีความเห็นทางคดี จึงเหลือเพียงการส่งตัวผู้ต้องหาและคำฟ้องให้อัยการส่งฟ้องต่อศาลเท่านั้น ส่วนในเรื่องของการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหา จะเป็นอำนาจของศาลในการพิจารณา พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี ส่วนในเรื่องของมาตรการการควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะทำการประสานกับพนักงานอัยการอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ต้องหามีหมายจับของศาลเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จะไม่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด แต่จะนำตัวไปพบกับพนักงานอัยการที่ศาล โดยคุมตัวขึ้นรถยนต์ของดีเอสไอ และมีเจ้าหน้าที่ชุดศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ประกบข้างตลอดเส้นทาง เพื่อดูแลความปลอดภัยของผู้ต้องหาและป้องกันการหลบหนี อีกทั้งยังไม่ได้รับรายงานว่าผู้ต้องหาหรือทนายความประสงค์ขอเงื่อนไขหรือสิทธิใด ๆ เพิ่มเติม ยังคงให้ความร่วมมือต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงยุติธรรม ว่า สำหรับกระบวนการจับกุมตัวนายวนรัชต์โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และเตรียมนำตัวออกจากโรงพยาบาลเพื่อให้อัยการส่งฟ้องต่อศาลในวันจันทร์ที่ 12 ก.พ. นั้น ทางดีเอสไอจะต้องรอผลประเมินการตรวจรักษาของแพทย์ ว่ามีดุลพินิจความเห็นอย่างไรบ้าง สุขภาพโดยรวมของผู้ต้องหาเพียงพอต่อการถูกเคลื่อนย้ายออกจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่หนึ่งหรือไม่ จะมีอุปสรรคกระทบต่อร่างกายหลังผ่าตัดหรือไม่ รวมถึงแพทย์และญาติผู้ต้องหาจะต้องมีการพูดคุยกันถึงผลการรักษา ซึ่งในตอนนี้นายวนรัชต์ยังคงอยู่ในห้องพักผู้ป่วยเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ ยังไม่มีอาการน่าห่วงหรือน่ากังวล และดีเอสไอยังอยู่ระหว่างรอรับฟังผลสรุปการตรวจประเมินสุขภาพอาการของผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในเรื่องของการที่ผู้ต้องหามีหมายจับนั้น ก็เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและยังไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ทำให้ผู้ต้องหามีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาล เพราะถ้าเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไปแล้วหากเกิดมีอันตรายต่อสุขภาพผู้ต้องหาระหว่างทาง เจ้าหน้าที่ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ดีเอสไอจะต้องรอฟังความเห็นของแพทย์ และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันนี้หรือไม่ หรือจะสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาไปส่งอัยการที่ศาลอาญาในวันจันทร์ที่ 12 ก.พ. ได้หรือไม่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรับประกันได้ว่าระหว่างที่ผู้ต้องหานอนพักรักษาตัวที่ รพ. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอหลายสิบนายยังคงมีการเฝ้าระวัง ตรวจตราอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการหลบหนี.