เมื่อวันที่ 12 ก.พ. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างกลุ่มทะลุวังกับกลุ่ม ศปปส. ว่า ตนไม่เห็นด้วยต่อการใช้ความรุนแรง ไม่ได้ส่งผลดีต่อประเทศและทุกฝ่าย แต่จุดเริ่มต้นอันเป็นที่มาของเหตุการณ์ เกิดจากมีบุคคลไปป่วนขบวนเสด็จ ดังนั้นความเข้มแข็งของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งในการป้องกันและในการบังคับใช้กฎหมาย ยังเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งในการปกป้องดูแลสังคมให้อยู่กันด้วยความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลที่มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลความสงบเรียบร้อยที่ต้องมีนโยบายให้ชัด อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์รุกรานขบวนเสด็จนั้น ผ่านมาหลายวันแล้ว กลับแทบไม่มีความเคลื่อนไหวจากรัฐบาล เพิ่งจะมีกรณีที่นายกรัฐมนตรีพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้ นายกรัฐมนตรีควรจริงจังหยิบยกไปพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกคนจะต้องมีความรู้สึกกับเรื่องนี้ให้มากกว่านี้ อยากรู้เช่นกันว่าที่ประชุม ครม. นัดที่จะถึงนี้ จะมีการหยิบยกไปพูดคุยกันอย่างเป็นทางการหรือไม่

“การทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น แม้พรรคเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคก้าวไกล แต่ได้ย้ำเสมอว่าเราทำงานร่วมกันในสภาได้ แต่อุดมการณ์ในหลายเรื่อง เรามีจุดยืนที่แตกต่างกัน การที่มีสมาชิกพรรคก้าวไกล มาลอยหน้าลอยตาให้สัมภาษณ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สังคมก็รับไม่ได้ต่อแนวคิดที่ยังเอื้ออาทรต่อผู้กระทำผิดรุกรานขบวนเสด็จ อีกทั้งแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลผิดเพี้ยนไปจากหลักความถูกต้อง เพราะยังคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งไม่เป็นความจริง เรื่องดังกล่าวที่เกิดจากจิตสำนึกที่เลวร้ายที่ต้องการละเมิดต่อกฎหมายละเมิดต่อสถาบัน การสื่อสารต่อสาธารณะที่ผิดเพี้ยน เป็นประเด็นที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายตามมาอีกไม่รู้จบ” นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้เก็บข้อมูลเพื่อส่งต่อให้กรรมาธิการที่ทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเรื่องนิรโทษกรรม เพื่อให้มีการพูดคุยกันในเรื่องคดีที่เกี่ยวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำหรับในส่วนของ สส. จะได้ใช้กลไกในสภาเพื่อพิจารณาในเรื่องมาตรการการป้องกันความปลอดภัยขบวนเสด็จ ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน เพื่อมิให้คนที่คิดร้ายต่อประเทศชาติย่ามใจได้อีกต่อไป