เมื่อวันที่ 15 ก.พ. พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ได้ลงพื้นที่สอบปากคำพยาน คดีตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุหรือในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 โดยสอบปากคำไปแล้วจำนวน 14 ปาก ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปมาก ล่าสุดพยานปากสำคัญซึ่งเป็นพ่อค้า ได้นำหลักฐานที่เป็นภาพถ่าย สำเนาสัญญาซื้อขาย พร้อมสลิปโอนเงิน มามอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อประกอบสำนวนคดีด้วย ถือเป็นหลักฐานเด็ดมัดตัวข้าราชการระดับสูงของสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีรับโอน และเชื่อมโยงถึงข้าราชการระดับสูง ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กาฬสินธุ์ เขต 2 อีก 2 คน ก่อนที่พยานปากเอกที่เป็นพ่อค้ารับซื้อไม้คนดังกล่าว จะแจ้งความเอาผิดข้าราชการทั้ง 3 คน ข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

พล.ต.ต.ตรีวิทย์ กล่าวอีกว่า คดีตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุ ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งลักลอบตัดและขออนุญาตตัดขาย เกิดขึ้นหลายแห่ง โดยเฉพาะในเขต สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ซึ่งที่ผ่านมา อาจจะเห็นดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เขตเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์และโรงเรียนหนองโนวิทยาคม อ.ห้วยเม็ก และโรงเรียนคำไฮวิทยา แต่ผลการสอบปากคำพยานหลายปาก สามารถที่จะประมวลผลและเชื่อมโยงเหตุการณ์ถึงข้าชการและตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการตัดไม้พะยูงขายหลายโรงเรียน หลายคน ซึ่งตอนนี้เข้าข่ายที่จะตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดจำนวน 7 คน โดยมีบุคคลที่เป็นข้าราชการระดับสูงของสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ 1 คน และ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 อีก 2 คน เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตตัด ให้อนุญาตตัด “ทุกโรงเรียน” ซึ่งใกล้จะสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.กาฬสินธุ์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเร็วๆ นี้

“จากการสอบปากคำพยานสำคัญในกรณีดังกล่าว ทั้งคณะกรรมการสถานศึกษา ครูโรงเรียน และผู้ซื้อไม้พะยูงในโรงเรียนทั้ง 3 แห่งดังกล่าว ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก ล่าสุดยังมีพ่อค้าซื้อไม้พะยูงในโรงเรียนหนองกุงไทย ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก ได้นำภาพถ่าย สำเนาสัญญาซื้อขาย พร้อมสลิปโอนเงิน มามอบให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับข้าราชการระดับสูงสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ 1 คน และข้าราชการระดับสูง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 อีก 2 คน รวม 3 คน ข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบดังกล่าว” พล.ต.ต.ตรีวิทย์ กล่าว

ด้านพ่อค้าซื้อไม้พะยูงในโรงเรียนบ้านหนองกุงไทยวิทยาคม ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก กล่าวว่า เมื่อประมาณปลายปี 2565 ตนทราบจากชาวบ้านหนองกุงไทย ว่าทางโรงเรียนจะมีการขออนุญาตตัดไม้พะยูงเพื่อจำหน่าย เนื่องจากมีคนชอบมาลักขโมยเป็นประจำ จึงจะขออนุญาตตัดขายไม้พะยูงที่เหลืออยู่ในโรงเรียน ตนจึงได้ไปติดต่อขอทราบรายละเอียดจากโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนได้แจ้งให้ทราบว่า ได้เสนอเรื่องขออนุญาตตัดไปยัง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขออนุญาตตัดตามลำดับ ตนจึงได้ไปติดต่อสำนักงานธนารักษ์ เจ้าหน้าที่ธนารักษ์ ได้บอกให้ตนติดต่อเจ้าหน้าที่ของธนารักษ์ โดยเจ้าหน้าที่ธนารักษ์ ได้แจ้งกับตนว่าวันที่ 18 ธ.ค. 65 จะไปดูไม้ที่พื้นที่โรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคม ตนจึงได้ตามไปดูไม้พะยูงที่โรงเรียนในวันดังกล่าว โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนนำชี้ต้นไม้พะยูงที่จะตัดขายจำนวน 7 ต้น

พ่อค้าซื้อไม้พะยูง กล่าวอีกว่า ต่อมาประมาณปลายเดือน ธ.ค. 65 ตนได้ไปติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ธนารักษ์คนดังกล่าว เกี่ยวกับใบอนุญาตขาย และตัดไม้พะยูงของโรงเรียน ว่าดำเนินการถึงไหนแล้ว เจ้าหน้าที่ธนารักษ์ แจ้งกับตนว่าเอกสารขออนุญาตขายตัดไม้พะยูงจาก สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 มาถึงสำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์แล้ว ทั้งนี้ ยังบอกกับตนว่ามีอำนาจหน้าที่ในการประเมิน และออกใบอนุญาตให้กับสำนักงานเขตฯ ได้ขอคุยนอกห้องปฏิบัติงาน โดยแจ้งให้ทราบว่าหากอยากจะได้เป็นผู้ซื้อไม้พะยูงขอให้จ่ายเงินผ่านเจ้าหน้าที่ธนารักษ์คนดังกล่าว จำนวน 200,000 บาท ตนไม่มีเงินสดจึงขอจ่ายโอนทางบัญชี เจ้าหน้าที่ธนารักษ์ได้แจ้งเลขบัญชีทางโทรศัพท์ให้ ตนจึงได้โอนเงินให้ โดยโอนเงินลงวันที่ 25 ธ.ค. 65 เวลา 15.56 น. ตามเอกสารหลักฐานที่ส่งมาด้วย 1 และแจ้งให้ตนทราบว่าหากดำเนินการทำเอกสารเสร็จแล้ว จะนำไปส่งให้ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ด้วยตนเอง

“เมื่อเจ้าหน้าที่ธนารักษ์ได้ทำเอกสารเสร็จ จึงได้โทรศัพท์มาบอกตน และได้ขอเงินเพิ่มอีกจำนวน 50,000 บาท เจ้าหน้าที่ธนารักษ์ จึงนำเอกสารดังกล่าวไปส่งที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ด้วยตนเอง ต่อมาตนได้ไปติดต่อที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 เพื่อขอรับเอกสารสัญญาซื้อขายเพื่อนำไปประกอบการตัดไม้พะยูง นายสันติได้แจ้งให้ตนเตรียมเงินไปด้วยประมาณ 500,000 บาทไปด้วย โดยเมื่อไปถึง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 และขณะที่รอทำสัญญาซื้อขายไม้พะยูงของโรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคม ระหว่าง สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 โดยนายสุรเชษฐ์ ผอ.สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 กับตนนั้น เจ้าหน้าที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 ให้ตนจ่ายเงินจำนวน 400,000 บาท ตนจึงถามว่าเป็นเงินค่าอะไร เพราะตนได้จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ธนารักษ์แล้ว เจ้าหน้าที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 แจ้งว่าเป็นค่าลงนามในสัญญาซื้อขายไม้พะยูง ตนจึงได้นำเงิน 400,000 บาท ใส่ซองกระดาษมอบให้กับเจ้าหน้าที่ สพป.กาฬสินธุ์ เขต 2 จากนั้นได้นำสัญญาซื้อขายมาให้ตนลงนามในสัญญา พร้อมทั้งให้ตนจ่ายเงินค่าซื้อไม้พะยูงอีกจำนวน 99,000 บาท รวมจ่ายวันนั้น 499,000 บาท

“นอกจากนี้ ในวันที่ 25 ก.พ. 66 ตนยังได้โอนเงินจำนวน 140,000 บาท และจ่ายเพิ่มอีก 30,000 บาท ให้กับเจ้าหน้าที่ธนารักษ์ เพื่อซื้อไม้พะยูง 3 ต้น ที่โรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์อีกด้วย โดยทั้ง 2 แห่ง เมื่อรวมทั้งหมดที่ตนโอนให้นายสันติและจ่ายซื้อไม้พะยูงคือ 919,000 บาท (งวดแรกค่าดำเนินการโอน 200,000 บาท+ขอเพิ่ม 50,000 บาท+ค่าลงนามซื้อไม้ 400,000 บาท+ค่าซื้อไม้พะยูงโรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคม 99,000 บาท+โอนซื้อไม้พะยูงโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์ 140,000 บาท+จ่ายเพิ่มอีก 30,000 บาท รวมที่ตนจ่ายซื้อไม้พะยูงทั้งหมด 919,000 บาท) ซึ่งเป็นเจตนาซื้อขายไม้โดยบริสุทธิ์ เพราะเห็นว่ามีหลักฐานการขออนุญาตตัด และซื้อชายโดยทางราชการที่เกี่ยวข้อง ส่วนเจ้าหน้าที่ทั้งหมด จะไปจัดการบริหารเงินยังไง ลงใบเสร็จรับเงินเท่าใด ตนไม่ทราบ ทั้งนี้ ทราบภายหลังว่า ลงใบเสร็จรับเงินโรงเรียนหนองกุงไทยวิทยาคมเพียง 99,000 บาท และลงใบเสร็จโรงเรียนคุรุชนประสิทธิ์ศิลป์เพียง 30,000 บาทเท่านั้น” นายไพศาล กล่าว

พ่อค้าซื้อไม้พะยูง กล่าวทิ้งท้ายว่า พฤติกรรมดังกล่าว ตนเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ในการเรียกรับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อประโยชน์ตนเอง และพวกพ้อง คือเงินที่ตนจ่ายไปแต่ละครั้ง ตนเข้าใจว่าจะนำเข้าไปเป็นค่าขายไม้พะยูงเป็นรายได้ของแผ่นดิน แต่มาทราบภายหลังว่ามิได้นำเงินจำนวนดังกล่าว เข้าเป็นรายได้แผ่นดิน จึงขอร้องทุกข์กล่าวโทษว่าข้าราชการทั้ง 3 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.