เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายหนึ่ง โพสต์ภาพการสนทนาผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมแจ้งเตือนประชาชนคนทั่วไป ระบุข้อความว่า “ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ฝากเตือน #ต้องสนิทกันแค่ไหนถึงสามารถจับของสงวนกันได้ #ช่างภาพบุรีรัมย์ #ถ่ายโปรไฟล์ไม่ได้ถ่ายหนังAV สำหรับผู้หญิงคนที่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นในบ้าน จากการคิดน้อยไป ไม่ทันได้ระแวงระวังตัว หวังเพียงแค่ต้องการถ่ายภาพเพื่อมาโปรโมตงาน แต่กลับได้บาดแผลในใจที่ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการรักษาเยียวยา”

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว เป็นเจ้าของสตูติโอ มีสถานที่ออกกำลังกายอยู่ในตัว อ.เมืองบุรีรัมย์ โดย น.ส.เอ เล่าว่า ตนใช้บ้านพักชั้น 2 เปิดเป็นสตูดิโอสอนโยคะ ที่ผ่านมาจะให้คนในครอบครัวหรือลูกสาวถ่ายภาพกันเอง เพื่อโปรโมตให้คนมาเรียน ต่อมามีเพื่อนในเฟซบุ๊ก อักษรย่อ “ก.” ซึ่งเป็นแฟนของเพื่อน และเป็นช่างภาพชื่อดังของจังหวัดบุรีรัมย์ ทักมาถามว่า “ทำไมไม่ถ่ายภาพสวยๆ จะไปถ่ายให้” แต่ตนไม่ตอบกลับ หลังจากนั้นนาย ก. ก็ได้ทักมาหลายครั้ง ส่วนใหญ่ใช้คำว่า “ถ่ายรูปเล่นกัน” แบบรัวๆ จึงอยากจะได้ภาพจากมืออาชีพว่าสวยแค่ไหนอย่างไร

น.ส.เอ เล่าอีกว่า กระทั่งเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา จึงทักไปว่า “วันนี้ว่างไหม อยากถ่ายภาพ” นาย ก. ตอบตกลงทันที และภายใน 10 นาที ช่างภาพคนดังกล่าวก็มาถึงหน้าบ้านทันที จึงเปิดบ้านให้เพราะเป็นคนรู้จักกันดี จากนั้นนาย ก. เดินเรื่องด้วยภาพ พยายามให้ตนใส่ชุดวาบหวิว แต่ตนไม่ทำตาม นาย ก. ก็ได้พยายามพูดเปรียบเปรยหลายเรื่องให้ตนทำตาม กระทั่งช่วงหนึ่ง ตนเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาได้เดินตามเข้ามาโอบด้านหลัง แล้วจับของลับทันที โดยระหว่างที่จับนั้น นาย ก. ยังได้ถ่ายภาพเป็นชุดอีกด้วย

น.ส.เอ เล่าว่า ตอนนั้นตกใจมากทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าโวยวาย เพราะเกรงจะได้รับอันตราย เพราะอยู่คนเดียว ส่วนพ่อกับลูกสาวอยู่ที่สวน ห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร จึงพยายามใจดีสู้เสือ พยายามเดินออกจากห้อง แต่นาย ก. ยืนขวางประตูไว้ พร้อมกับพูดเชิงบังคับให้ถ่ายภาพอีก 1 ชุด จึงยอมทำตาม แต่ไม่วายโดนจับของลับอีก ทำให้ต้องบอกว่า พ่อกับลูกอยู่สวนกำลังจะมาถึงบ้านแล้ว จนคู่กรณีจึงยอมเก็บกล้องแล้วกลับไป

น.ส.เอ เล่าด้วยว่า หลังเกิดเหตุได้โทรศัพท์ไปปรึกษาแฟน ซึ่งเป็นตำรวจอยู่กรุงเทพฯ พอรุ่งเช้าวันที่ 8 ก.พ. แฟนจึงพาไปแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ทันที ตอนนั้นนาย ก. ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ และไม่ได้ถ่ายภาพของลับ เมื่อตำรวจซักถามหลายรอบ จนสุดท้ายยอมรับว่าได้กระทำจริง ยอมเสียค่าปรับ 30,000 บาท จึงยุติคดี หลังจากนั้นเป็นต้นมา ยอมรับนอนไม่หลับ จึงเอาเหตุการณ์ทั้งหมดมาโพสต์เตือนคนทั่วไปโดยเฉพาะหญิงสาว ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของช่างภาพแบบเดียวกันนี้ ส่วนตัวเชื่อว่า นาย ก. น่าจะทำมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่มีใครแจ้งความหรือเอาผิด จึงย่ามใจมาทำกับตนแบบใจเย็นและมั่นใจ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อขอสัมภาษณ์ช่างภาพชื่อ ก. ได้รับคำตอบว่า “ไม่รู้เรื่องและไม่ขอให้ข้อมูล”