ฮอตในทุกเรื่องของชีวิตจริงๆสำหรับคุณแม่สุดแซ่บ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ที่ล่าสุดมาเปิดใจครั้งแรกกับแฟชั่นวาบหวิวในวันวาเลนไทน์ แถมแคปชั่นที่มีนัยยะว่า วาเลนไทน์นี้ขอมอบความรักให้กับตัวเอง ทำเอาหลายคนสงสัยเรื่องความสัมพันธ์กับสามี มิกกี้ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร หนักมาก พร้อมทั้งเปิดใจหลังไปบวงสรวงองค์พญานาคที่มีอาการคล้ายองค์ลง สรุปมันคืออะไรกันแน่ ผ่านทางรายการคุยแซ่บshow แบบจัดเต็ม

เจนี่ เผยว่า “เรื่องรูปบอกกับพี่ช่างภาพว่าต่อไปนี้การถ่ายของเราทุกเทศกาลจะเป็นคอนเซ็ปต์ เหมือนให้มีเรื่องราวที่ไม่ใช่แค่ถ่ายภาพหรือถ่ายคอนเทนต์แล้วลงไปเพื่อความสวยงาม มันต้องมีอะไรที่รู้สึกว่าทำการบ้านมา คิดมาแล้ว รูปที่ออกมาคือแรงเงา ต้องบอกก่อนว่าพี่ช่างภาพชอบแรงเงามาก แล้วบอกกับเจนเมื่อปีที่แล้วว่าอยากให้พี่เจนี่ถ่าย มุนินทร์ มุตตา ก็เลยมาเป็นช่วงวาเลนไทน์แบบมุนินทร์ มุตตา รักกันเป็นพี่น้อง จริงๆ เจนเขียนแคปชั่นให้คำเปรียบเทียบว่า ที่ผ่านมาในชีวิต เจนเจอเหตุการณ์ เจอเรื่องอะไรมาก็ตามแต่ มันก็จะเป็นตัวแทนโดน เหมือนมีปูน ป้ายสีอะไรประมาณนี้ที่แบบโดนเรื่องโดนราวอะไรมาตลอด แต่ว่าทุกวันเจนี่ก็ยังยืนยัดอยู่แบบนี้ที่เป็นคนที่ไม่ได้เลอะ ซูมแบบรีทัช  หน้าอกใช่ไหม ต้องบอกว่าทีมนี้ถ่ายตั้งแต่ปีที่แล้ว ทุกครั้งที่ถ่าย เหมือนคนที่อยู่ข้างนอก ถามว่าครั้งนี้เจนจะถ่ายชุดอะไร อย่าถามเป็นชุดเลย เพราะพี่สไตล์ลิสไม่เคยทำเป็นชุดให้เจนเลย เอาผ้ามาห่อ เอาจะมีครีเอทีฟชุดที่จะให้ใส่ คริสต์มาสใส่แบบนี้ อันนั้นก็ไม่ใช่ชุดนะคะ เป็นการเอาผ้ามาแล้วทุกอย่างจะเย็บกับตัวเจน”

“แคปชั่นดูมีนัยยะ วันนี้ไม่ว่าใครก็ตามถ้าไม่สงสัยในตัวเจนี่คงจะเป็นเรื่องแปลก ไม่ว่าเจนจะทำอะไร เขียนอะไร หรือว่าทำอะไรก็ตามในชีวิตเหมือนจะกลายเป็นนัยยะ มันจะกลายเป็นคำถาม มันจะกลายเป็นข้อสงสัยของทุกๆ คนอยู่แล้ว แต่เอาจริงๆ ประโยคแรกที่ขึ้นมาคือช่างภาพเป็นคนคนคิด คือชีวิตเขาเหมือนมีประสบการณ์ที่ไม่ดี ตัวเขาเองเคยเจอแบบนี้โดนบูลลี่ ก็เปรียบเหมือนชีวิตเจนโดนมา พี่ลองขึ้นประมาณนี้ไหม เจนก็คิดว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่ดีนะ เป็นคนที่ไม่ได้คิด อยากจะเขียนตามความรู้สึกในขณะนั้น แล้วเวลาเขียนอะไรไปเจนจะไม่ค่อยแก้ แต่อาจะแก้คำผิด คำถูก  แต่ถ้าแก้จากความรู้สึกเลยเอาจริงๆ เจนไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย เจนมองข้ามไป มันเป็นเรื่องราวที่ผ่านๆ มามากกว่าไม่ว่าเจนจะเจออะไรมาก็ตาม ท้ายที่สุดตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ต่อให้เราโดนอะไรมาแค่ไหนในชีวิตนี้เราอยู่ในโลงศพจะมีใครมาอยู่กับเราไหม เราก็นอนคนเดียว มันไม่ได้มีโลงคู่เลย เกิดก็เกิดมาคนเดียว ถ้าเราเป็นอะไรเราก็ไปคนเดียว”

เจนี่ เล่าต่อไปว่า “สามีว่าไหม ไม่มีใครกล้าว่าอะไร ตอนนี้การจะถ่ายคอนเทนต์อะไรก็ตามมันเป็นเรื่องปกติ เรื่องคลิปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องบอกก่อนว่าปกติไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย ด้วยความฝรั่งมาก ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ 100% ถ้าอะไรก็ตามในชีวิตถ้าไม่เจอกับตัว ไม่เห็นกับตา ไม่ได้ยินหรือไม่ได้สัมผัสเองจะไม่มองอะไรพวกนี้เลย แต่บังเอิญเมื่อ 2 ปีเจออะไรบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าท่านมีอยู่จริง เจนก็ไปที่นาคีนี่แหละ เจนขึ้นไป อยู่เฉยๆ น้ำตาก็ไหล แล้วคนที่เจนไปด้วยเราไม่ได้สนิทกัน พูดกับตัวเองว่า เล่นละครทำไม เป็นอะไร ตรงนี้เขาไม่ได้แอคชั่น แล้วเจนหันหลังพยายามเช็ด เห้ย..เป็นอะไร หยุดได้แล้ว ก็ไม่หยุด ไหลลงมาแบบบังคับตัวเองไม่ได้ เอาเป็นว่าหลายอย่างมันไม่มีเรื่องบังเอิญ ที่น้ำตาไหล วันนี้ยูอยู่ในจุดที่มันใช่นะ ยูเปิดใจรับในบางสิ่ง บางอย่างที่มันจะคอนแน็คกับยูโดยตรง ปกติเจนเป็นคนสวดมนต์ นั่งสมาธิอยู่แล้ว ต้องบอกว่าคนที่สวดมนต์ นั่งสมาธิเหมือนจิตมันจะละเอียด อะไรบางอย่างมันจะมาหาเราได้ง่าย มีทั้งแฝง ทั้งดีและไม่ดี แต่ถ้าเราควบคุมไม่ได้สิ่งที่ไม่ดีมันจะมาเติมในแก้วนั้นเยอะกว่าสิ่งที่ดี แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราควบคุมได้ สิ่งที่ดีมันจะอยู่เหนือสิ่งที่ไม่ดี แล้วพอวันนั้นมันมาแล้วเจนควบคุมไม่ได้ แล้วมันจะมีพลังงานแฝงอะไรบางอย่างที่มันกระทบเรา แล้วเราล้มลงไป โชคดีน้องที่ไปด้วยนั่งสมาธิก็ช่วย สวดมนต์เจนก็รู้สึกดีขึ้น เจนพยายามไปขึ้นเขานาคา ซึ่งเราแข็งแรงมาก แต่เดินไม่ขึ้น ก้าวขายังไงก็เดินไม่ขึ้น”

“ล่าสุดมีโอกาสไปขอพรพญาศรีสัตตนาคราช แล้วได้เกินที่ขอคือปีที่แล้วเจนมีโอกาศได้เข้าไปทำงานที่บริษัทนึง เหมือนเราเองทำหลายอย่างในชีวิต แล้วไปบอกท่านว่าเจนกำลังเริ่มงานใหม่ ตำแหน่งใหม่ เราก็ขอท่านโดยไม่ได้คิดว่าสิ่งนั้นท่านจะให้เรา หรือว่าอะไรยังไงก็ตามที่มันจะเกิดขึ้น แค่รู้สึกว่าวันนี้เราสวดมนต์ นั่งสมาธิ เราทำงานอย่างตั้งใจ มีวินัยในการทำงาน แล้วเหมือนทำความดีช่วยคนไปเรื่อยๆ มันก็องค์ประกอบหลายๆ อย่าง ทำให้เจนแบบ สมมติได้เงินอีกเท่านึงในสิ่งที่เราขอ เรื่องรำเราก็ไม่ได้คิดอีก เหมือนเป็นคนกึ่งๆ ดื้อ ไม่จริงหรอก ไม่ใช่หรอก แต่มันก็มีอะไรบางอย่างบอกว่าไม่ เจนนั่นแหละต้องรำ เหมือนกับท่านบอกว่าไม่เอาใครต้องเจนคนเดียว ถึงจะจ้าง 99 คนก็ไม่เท่ากับลูกมาคนเดียว เพราะมันมาจากความรู้สึกเรา มาจากอินเนอร์เรา เจนเป็นคนที่แบบอะไรยังไงก็แล้วแต่ เจนก็จะเก็บทุกอย่างไว้ เป็นคนที่ไม่พูด ไม่ค่อยบอกอะไรใคร คือมีความรู้สึก พอเจนรำมันก็เป็นความรู้สึกเราอีกที่มันออกมา น้องบอกพี่เจนี่ไปไม่ต้องมาให้ครูสอนนะ เดี๋ยวพี่เจนรำได้เลย เหรอ นี่ก็บอกถ้าให้พี่เต้น แบล็กพิงก์ พี่เต้นได้ แต่ถ้าให้พี่รำไม่ใช่หน้าพี่เลยนะ พี่รำไม่ได้ ตอนที่ซ้อมเจนไม่มั่นใจอีกให้คุณครูมาสอนเพื่อความชัวร์ อยากทำให้ท่านสวยๆ คุณครูตั้งเวลา 2 ชม.คิดว่าเจนตั้งท่ารำไม่ได้ เปิดเพลงเท่านั้นไม่ถึง 5 นาทีรำได้เลยวันซ้อมนะ คุณครูบอกเจนเรียนเหรอค่ะ คุณครูให้เต้นแบล็กพิงก์สิคะ เปิดเพลงมาจำได้ทุกท่าเลย”

“เรื่องมีองค์ลงไหม คือเรารู้ตัว เจนรู้ตัวตลอด แต่มันมี 20% ที่ควบคุมไม่ได้ มันไปเอง แต่ถ้าเราฝืน เจนจะร้องไห้ อีกอย่างนี่มัน 2024 นี่เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ เจนสมัยใหม่มาก มันยากต่อการที่จะทำให้เราเข้าใจได้ มันย้อนแย้งต่อสิ่งที่เจนเป็น เจนคิดว่าจะมารำทำไม และครูที่สอนรำ ยังไม่เชื่อว่าเจนจะรำได้ด้วย  เพราะเราก็จีบได้เท่าที่เราได้ แต่ที่เห็นในคลิปก็คือเป็นไปตามนั้นเลย และด้วยสถานที่ ด้วยเพลงที่เปิดคลอ และตอนก้มกราบก็ร้องไห้ เพราะก่อนหน้านี้เราฝืน ฝืนจนเริ่มไม่เป็นตัวเอง หลากหลายความรู้สึก ณ เวลาตรงนั้น เจนก็ใช้วิจารณญาณของเราเอง ด้วยความในยุคนี้ ต้องเชื่อเอง เห็นกับตาเองด้วย เปิดดวงตาที่สามคือด้วยความที่เราไม่ได้ออกสังคมบ่อย พอเจนสื่อสารอะไรออกไป คนจะสงสัย เจนอาจจะคิดน้อยไปนิดนึง เพราะด้วยความที่เราสังคมน้อย พอเรารู้สึกนั่งสมาธิ ท่านมาสื่อ เหมือนการเราสื่อองค์ท่าน เป็นพลังงานบ้างที่เราสัมผัสได้ พอเรามีสมาธิกับเขานานๆ เราก็อาจจะสัมผัสท่านได้ เจนไหว้องค์พญานาคถึง 4 ที่ที่นครพนม นาคี ปู่อือลือ และคำชะโนด ที่ไปนาคีเพราะเป็นจุดเปิด ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องไปท่านย่าก่อน และรำที่นครพนม ว่าเราเคยขออะไรท่านไว้ และก็ไปปู่อือลือที่อยู่กลางน้ำ และสุดท้ายคำชะโนด ซึ่งความรู้สึกมันแตกต่าง เป็นพลังงานที่ไม่เหมือนกัน หนักเบาไม่เท่ากัน เพราะเรื่องบางเรื่องมันอธิบายไม่ได้ ทุกอย่างที่อยู่ที่เราศรัทธา และขอที่นครพนม ความรู้สึกเหมือนปู่อยู่ที่นี่ ขอพรก็ต้องขอตรงนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้เราไปขอให้ยอดขายพุ่ง ยอดมีมันปัง สรุปทะลุเกินไปหลายเป้า ที่คนแซะเรา เยอะ เป็นเรื่องปกติ มีดำก็ต้องมีขาว มีขาวก็ต้องมีดำ การที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาทะเลาะกัน มันเป็นบาปนะ ต่างคนต่างความคิด ทุกอย่างอยู่ที่เราศรัทธา ความเชื่อ การกระทำของเรา เราคิดดี ทุกอย่างก็จะย้อนกลับมาหาเรา ลูกปู่ย่ารู้หมด ว่าวันนี้คืออะไร ปล่อยเขาไป”