ที่ศูนย์การเรียนรู้ Thai Herb Centers จ.นนทบุรี ได้มีการจัดอบรม “ปลูกกัญชา กัญชง ให้ถูกกฎหมายและได้ประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากการบรรยายให้ความรู้จากนายธวัช จรุงพิรวงศ์ ประธานวิสาหกิจชุมชน Thai Herb Centers แล้วโอกาสพิเศษในครั้งนี้ยังได้เชิญ “ลุงดำ” หรือนายอร่าม ลิ้มสกุล ปราชญ์กัญชาไทย ประธานวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร และกัญชานอกตำราอีกด้วย

ในแวดวงกัญชาชน “ลุงดำ” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งในไทยและต่างประเทศ นับเป็นผู้เริ่มตำนานใหม่ให้กับวงการกัญชาไทย โดยเฉพาะเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์กัญชา “KD เกาะเต่า” จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แต่ทุกวันนี้ลุงดำยังทำตัวเรียบง่าย และได้อุทิศตนในการสอนธรรมะ และให้ความรู้เรื่องกัญชาแก่ผู้ที่สนใจอย่างมีความสุข

โดย นายอร่าม เปิดเผยว่า สายพันธุ์ KD เกาะเต่า เป็นชื่อที่ฝรั่งตั้งให้ แต่ตนไม่ได้ต้องการชื่อเสียง ในปัจจุบันสายพันธุ์ KD ยังสามารถแยกย่อยออกเป็น Sativa, Indica และ Auto อีกด้วย ส่วนสายพันธุ์ Sativa นั้นเหมาะกับการใช้ในเวลากลางวัน เพราะช่วยให้กระฉับกระเฉง ที่รู้จักกันดีก็คือกัญชาพันธุ์ไทย เช่น หางกระรอก ศรีสงคราม หางเสือ และฝอยทอง เป็นต้น ขณะที่สายพันธุ์ Indica เหมาะกับช่วงกลางคืน ช่วยในการพักผ่อน นอนหลับ และคลายเครียด สายพันธุ์ดั้งเดิมนั้นพบบนที่สูงทางเหนือของโลก เช่น อินเดีย เนปาล ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน

อย่างไรก็ตามต่อมาชาวตะวันตกได้นำไปผสมข้ามสายพันธุ์จนเป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพมากมายนับร้อยสายพันธุ์ สำหรับการปลูกกัญชานั้น ถือว่าเรายังมีกิเลส แต่ตอนนี้ผมสอนธรรมะ เพื่อให้แสงสว่างกับผู้อื่น และยกสมบัติทุกอย่างให้คนอื่นหมดแล้ว ส่วนที่มีคนถามถึงเรื่องของกัญชาเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาอย่างไรนั้น ขอบอกว่า จริงๆ แล้วในพระวินัยไม่ได้ระบุเอาไว้ชัดเจนว่ากัญชานั้นผิด ไม่ได้กล่าวว่าเป็นปราชิก สังฆาทิเสส หรือปาจิตตีย์ ขณะที่ในมหาสมัยสูตร ได้กล่าวถึงกัญชาในทางที่ดี ไม่ได้กล่าวว่าผิดพระวินัยแต่อย่างใด

“ในพุทธประวัติในอินเดีย ซึ่งไม่มีในตำราไทย ระบุว่า ในช่วงที่พุทธองค์บำเพ็ญทุกรกิริยานั้นพระองค์ท่านได้เสวยเมล็ดกัญชาวันละ 1 เมล็ด ซึ่งจริงๆ แล้วในแถบอินเดีย แคชเมียร์ เนปาล ปากีสถาน มีอยู่แล้วในอดีตเป็นสายพันธุ์ Indica ที่ขึ้นอยู่ทั่วไปแต่เขาไม่ได้เอามาสูบอย่างคนไทย ในประสบการณ์ตรงนั้น ได้นำกัญชามาใช้เพื่อช่วยในเรื่องสมาธิ คือไม่ได้อวดอ้างแต่ช่วยให้จิตสงบได้ เมื่อจิตมีสมาธิ ก็สามารถทำวิปัสสนาได้ ดูกาย ดูจิตได้ ซึ่งในความคิดของลุงดำนั้นกัญชาเป็นโอสถที่ช่วยทำให้เกิดสมาธิ ต่างจากสุรา เมรัย ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผิดศีล ตามหลักพระพุทธศาสนา”

ลุงดำ กล่าวอีกว่า ตนก็เคยนำน้ำมันกัญชา เครื่องดื่มชากัญชา ไปถวายพระเพราะถือเป็นโอสถ แต่กัญชามาผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2503 ที่มีการทำให้พืชสมุนไพรถูกปลูกฝังว่าเป็นยาเสพติดเช่นเดียวกับเฮโรอีน เป็นการให้ความรู้ผิดๆ มาจากสหรัฐอเมริกา จริงๆ แล้วถ้าจะให้ตายต้องกินมากถึง 200 กิโลกรัมเลยทีเดียว แต่เราเอามาใช้เป็นโอสถ ถ้าถูกวิธีก็จะเกิดผลดี เพราะทุกส่วนนั้นเป็นยาหมด ในวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ มีการแยกสารประกอบในกัญชาออกมา โดยเฉพาะแคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) ที่มี THC ที่ทำให้คนมึนเมา ซึ่งจริงๆ แล้ว THC ก็มีประโยชน์ต่อร่างกายหากใช้อย่างเหมาะสม

“ผมไม่เคยเมากัญชามีแต่ง่วงนอน ก็ต้องเลือกใช้สายพันธุ์ Sativa ในเวลากลางวันจะช่วยทำให้กระปรี้กระเปร่า ครึ้มอกครึ้มใจ และใช้สายพันธุ์ Indica ในเวลากลางคืนเพื่อช่วยในการพักผ่อน แต่ไม่ใช่ใช้ Indica เวลากลางวันเพราะจะทำให้เราขี้เกียจ ส่วนการปลูกกัญชา ในสมัยก่อนนั้นจะเน้นในเรื่องความเรียบง่าย ปลูกในธรรมชาติ เน้นดินดี ปุ๋ยดี ปลูกเอง ทำเอง ถ้าปลูกดีๆ สามารถฟื้นวิกฤตประเทศไทยได้เลยนะ แต่ทุกวันนี้การปลูกกัญชายังผิดกฎหมาย จึงเน้นเฉพาะส่งเสริมความรู้อย่างถูกต้องเท่านั้น”

นายอร่าม เล่าเพิ่มเติมว่า เมื่อถามถึงสูตรยาสมุนไพรพื้นบ้านในปัจจุบันที่ทำจากกัญชานั้นมีแนะนำอยู่ 3 สูตร คือ นำมันกัญชา ยารักษามะเร็ง และน้ำมันสำหรับนวด อย่างน้ำมันกัญชานั้นสามารถนำมาหยอดทั้งตา หู จมูก ปาก เพื่อบำบัดรักษาโรคได้เลย อย่างสูตรน้ำมันนวดของลุงดำนั้นจะใช้ทุกส่วนของลำต้นมาสับให้ละเอียด จากนั้นนำไปต้มกับกะทิ แล้วเคี่ยวจนงวด นำมาเป็นน้ำมันนวด แล้วสามารถได้เลย ขอยืนยันตรงเลยว่า “ความรู้ไม่ใช่ของผม เป็นสมบัติของโลก”.