สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) มีมติเสียงข้างมาก 13 เสียง สนับสนุนมติของแอลจีเรีย ซึ่งเรียกร้องการหยุดยิงในฉนวนกาซา อย่างไรก็ตาม มติดังกล่าวมีอันต้องตกไป เนื่องจากสหรัฐซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกถาวร ใช้อำนาจวีโต้ ส่วนสหราชอาณาจักรงดออกเสียง


นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า มติดังกล่าว “เป็นเพียงการแสดงความปรารถนา และไม่มีความรับผิดชอบ” อีกทั้งอาจส่งผลกระทบต่อการเจรจา เพื่อช่วยเหลือตัวประกันอีกราว 130 คน


ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สามแล้วซึ่งสหรัฐใช้สิทธิวีโต้ เพื่อยุติสงครามครั้งนี้ ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2566 แม้รอบนี้รัฐบาลวอชิงตันเสนอมติของตัวเอง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการระบุคำว่า “หยุดยิง” ที่รัฐบาลวอชิงตันคัดค้านมาตลอด พร้อมทั้งเรียกร้องให้อิสราเอลล้มเลิกแผนการปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา


อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า ยูเอ็นเอสซีจะอภิปรายและหยั่งเสียงมติของสหรัฐหรือไม่ แต่แหล่งข่าวทางการทูตหลายคนวิเคราะห์ว่า “เป็นเรื่องยาก” ที่มติซึ่งเสนอโดยสหรัฐจะผ่านการรับรอง เนื่องจาก “เป็นการหยุดยิงแบบมีเงื่อนไขเอื้อให้กับอิสราเอล”


ด้านจีนและรัสเซีย “แสดงความผิดหวัง” ต่อท่าทีของรัฐบาลวอชิงตัน ส่วนฝรั่งเศสแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับสหรัฐเช่นกัน โดยเรียกร้องว่า สงครามในฉนวนกาซาต้องยุติทันที เพื่อไม่ให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ เลวร้ายไปมากกว่าที่เป็นอยู่.

เครดิตภาพ : AFP