เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ อ.ท่าตะโก ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าเทือกเขา จ.เพชรบูรณ์ และน้ำล้นสปิลล์เวย์อ่างเก็บน้ำในพื้นที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ หลากเข้าท่วมบ้านเรือนมาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน โดยจากการลงพื้นที่พบว่า ถนนทางหลวงสายนครสวรรค์-ท่าตะโก ช่วงบริเวณ 3 แยก พื้นที่ต.หัวถนน ถูกมวลน้ำถูกมวลน้ำหลากเข้าท่วมสูงกว่า 40 เซนติเมตรและกระแสน้ำมีความรุนแรงมาก จนรถเล็กไม่สามารถใช้สัญจรผ่านไปมาได้ ซึ่งเส้นทางดังกล่าว ถือเป็นเส้นทางสายหลักที่ถูกน้ำท่วมยาว ไปจนถึงเขตเศรษฐกิจเทศบาลตำบลท่าตะโกเป็นระยะทางกว่า 6 กิโลเมตร การเดินทางเข้าพื้นที่เศรษฐกิจต้องให้รถกระบะยกสูง รวมถึงรถบรรทุกและรถไถเพียงเท่านั้น

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางไปถึงเขตเศรษฐกิจเทศบาลตำบลท่าตะโก ปรากฏว่า มีน้ำท่วมสูงในพื้นที่แห่งนี้ เฉลี่ย 1-2.5 เมตร โดยเฉพาะในเขตตลาดย่านการค้าพบว่า มีน้ำท่วมสูงเกือบมิดชั้นหนึ่งของอาคารที่อยู่อาศัย ส่วนที่อื่นๆอย่างศูนย์ราชการ วัด และโรงพยาบาล ต่างก็ถูกน้ำเข้าท่วมทั้งหมด โดยมีหน่วยทหารมณฑลทหารบกที่ 31 จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย มาร่วมกับกลุ่มจิตอาสาภัยพิบัติและเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นำเรือมาคอยให้บริการในการชาวท่าตะโก พร้อมกับนำอาหารน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย ที่ต้องอาศัยอยู่ภายในบ้านพัก เนื่องจากมีความเป็นห่วงทรัพย์สินมีค่าภายในบ้าน เกรงว่าจะมีโจรขโมยออกมาอาละวาดซ้ำเติมความทุกข์ร้อน

จากการสอบถามชาวบ้านในตลาดย่านการค้าท่าตะโก เปิดเผยว่า น้ำท่วมหนนี้ ถือว่า หนักกว่าปี 54 และน้ำมาไวมาก แม้ทางเจ้าหน้าที่ส่วนราชการ จะมีการประกาศแจ้งเตือนก่อนหน้าแล้ว แต่หลังจากประกาศผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง น้ำก็ทะลักเข้ามาถึงพื้นที่เศรษฐกิจ จนทำให้บ้านบางหลังขนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นไปไว้ที่สูงไม่ทันต้องปล่อยให้จมน้ำเสียหาย ส่วนที่ต้องทนอยู่อาศัยภายในบ้านทั้งที่น้ำท่วมสูงเกือบมิดชั้น 1 นั้น เป็นเพราะมีความเป็นห่วงข้าวของภายในบ้านกลัวว่าหากย้ายไปอยู่ที่อื่น จะถูกโจรเข้ามาขโมย จึงขอยอมอยู่เฝ้าบ้านดีกว่า

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับตลาดย่านการค้าของเขตเทศบาลตำบลท่าตะโก ส่วนใหญ่เป็นบ้านลักษณะตึกแถวสลับกับบ้านเดี่ยว บ้านไม้เก่าอีกหลายรูปแบบอยู่รวมกันนับร้อยหลังคาเรือนและขณะนี้ พบว่า มีประชาชนขออยู่เฝ้าบ้านมากกว่า 70 คน ส่วนความเดือดร้อนในตอนนี้พบว่า นอกจากจะต้องการอาหารและน้ำดื่มแล้วหลายบ้านยังมีความต้องการพาวเวอร์แบงก์ เพื่อชาร์จโทรศัพท์มือถืออีกด้วย เนื่องจากมีความต้องการติดต่อญาติพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่อื่น แต่แบตโทรศัพท์มือถือหมด และไฟฟ้าถูกตัดกระแส จึงทำให้ไม่มีไฟในการชาร์จโทรศัพท์แต่ในส่วนอื่นๆ อย่างเช่นห้องน้ำนั้น ยังสามารถใช้บนชั้นสองของบ้านได้

ขณะที่สถานการณ์น้ำในวันนี้ พบว่าปริมาณเริ่มน้ำทรงตัว และเริ่มลดลงเล็กน้อย ซึ่งหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมน่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติได้อย่างช้าสุดภายใน 1 สัปดาห์ และขณะนี้ ทราบว่าปริมาณน้ำในพื้นที่ อ.ไพศาลี ที่ไหลหลากลงมาสู่พื้นที่ อ.ท่าตะโก เริ่มมีปริมาณลดลงแล้วด้วยเช่นกัน.