เมื่อวันที่ 25 ก.พ. พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย และ พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ควบคุมตัว น.ส.ไพจิตร หรือ ไก่ อายุ 39 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาในคดีนำศพของ น.ส.เบญญาภา หรือ เป้ อายุ 47 ปี ไปเผานั่งยางในบ่อขยะ หมู่ที่ 4 ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

โดยเริ่มจาก ผู้ต้องหาขับรถเก๋ง ฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1กค 4384 กรุงเทพมหานคร ไปจอดบนถนนรอบบ่อขยะ หลังรถมีศพผู้ตายที่ถูกห่อด้วยผ้าและที่นอน ส่วนที่เบาะหลังมียางรถยนต์ 2 เส้น แกลลอนน้ำมันวางไว้ที่วางเท้าของเบาะรถด้านหน้าข้างคนขับ จากนั้นได้อุ้มร่างผู้ตายไปยัดใส่ยางรถยนต์ ก่อนจะราดน้ำมันเผาไฟ แล้วขับรถกลับบ้าน

สำหรับเหตุผลที่นำศพมาเผาในที่ดังกล่าวนั้น น.ส.ไก่ ระบุว่า กลัวจะมีความผิดและกลัวถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า การสอบสวน น.ส.ไก่ เจ้าตัวยอมรับเพียงว่า ได้นำร่างของ น.ส.เป้ มาเผานั่งยางที่บ่อขยะ ในช่วงเย็นวันที่ 13 ก.พ. จริง แต่ไม่ได้ฆ่า โดยระบุว่า น.ส.เป้ สำลักข้าวแล้วหมดสติเสียชีวิตเอง ซึ่งในจุดนี้ ตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ยังต้องสอบสวนพยานแวดล้อม รวมทั้งสอบสวนญาติผู้ตาย และการที่นำร่างผู้ตายใส่ท้ายรถเก๋งไว้นั้น ก่อนจะนำไปเผานั่งยางนั้น ผู้ต้องหาใช้ชีวิตอย่างไร เพราะเท่าที่ทราบผู้ต้องหามีบุตรบุญธรรม 1 คนที่ต้องไปรับและส่งที่โรงเรียน และยังต้องดูแลพ่อแม่ ซึ่งยังต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมในส่วนที่พนักงานสอบสวนติดใจ

“…จากการรับสารภาพในขณะนี้ ผู้ต้องหาให้การว่า ทำทุกขั้นตอนคนเดียว ไม่มีใครอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย และไม่มีความเคียดแค้นกับผู้ตาย เป็นเพียงแค่การไม่กล้าบอกญาติ ไม่กล้าแจ้งตำรวจเพราะกลัวความผิด แต่การนำศพมาเผานั่งยาง ก็มีความผิดในข้อหา ลักทรัพย์หรือรับของโจร ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย เพราะรถเก๋งคันที่ใช้บรรทุกศพมาจากจังหวัดสมุทรปราการนั้นเป็นของผู้ตาย จึงถูกจับกุมในข้อหา ลักทรัพย์หรือรับของโจร ส่วนการขนย้ายศพคนตาย และเผานั่งยางนั้น ได้แจ้งข้อหาซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย…” พ.ต.อ.ปรีชา กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า มีประเด็นที่ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนต่อ เนื่องจากทั้งคู่คบหากันใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน คนตายเป็นดี้ ส่วน น.ส.ไก่เป็นทอม ใช้ชีวิตด้วยกันมา 7 ปี แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา น.ส.ไก่เปลี่ยนตัวเองจากทอม มาเป็นหญิงสาวเต็มตัว และมักจะบอกกับคนอื่นว่าตัวเองโสด จนมีปัญหาชีวิตคู่ สุดท้าย น.ส.เป้ ก็เสียชีวิต และการชันสูตรศพก็มีบาดแผลของมีคมที่แผ่นหลังคนตาย จึงยังไม่เคลียร์ในคำรับสารภาพของ น.ส.ไก่ ที่จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตาม หากพบมีคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายและแจ้งข้อหาเพิ่มกับผู้ต้องหาอีกด้วย

ขณะเดียวกันในช่วงของการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้ต้องหาไม่ตอบคำถามใดๆ กับผู้สื่อข่าวตั้งแต่ช่วงการทำแผนจนถึงเข้าห้องควบคุมตัวของ สภ.แวงน้อย จากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าผู้ต้องหามีอาการเครียดไม่ยอมรับประทานอาหารเช้า ขณะที่ญาติพี่น้องได้นำอาหารมาให้แต่ก็ยังไม่ยอมทาน ซึ่งทางตำรวจก็จะทำการดูแลในส่วนนี้ด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาเกิดความเครียดและทำร้ายตัวเอง.