สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวถึงสถานการณ์สงครามกับรัสเซีย ซึ่งตอนนี้ล่วงเข้าสู่ปีที่สาม ว่ายูเครนสูญเสียทหารไปแล้วมากกว่า 31,000 นาย ไม่ใช่ 150,000 หรือ 300,000 นาย ตามที่รัฐบาลมอสโกกล่าว


ขณะเดียวกัน เซเลนสกีเปิดเผยเป็นครั้งแรก ว่าการที่ปฏิบัติการโจมตีโต้กลับกองทัพรัสเซีย ซึ่งเปิดฉากเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจาก “แผนการรั่วไหลถึงทำเนียบเครมลิน” แม้ผู้นำยูเครนไม่ได้กล่าวชัดเจน ว่าอีกฝ่ายทราบข้อมูลได้อย่างไร

อนึ่ง เซเลนสกีปลด พล.อ.วาเลอรี ซาลุซนี ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศ เมื่อต้นเดือนนี้ และแต่งตั้ง พล.อ.โอเล็กซานเดอร์ ซีร์สกี บัญชาการปฏิบัติการโต้กลับในภูมิภาคคาร์คิฟ ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่


นอกจากนี้ เซเลนสกียังคงเดินหน้าเรียกร้องความสนับสนุนด้านอาวุธจากตะวันตก โดยกล่าวว่า ยูเครนจะชนะสงครามครั้งนี้หรือไม่ จะต้องสูญเสียอีกมากเพียงใด และอนาคตจะเป็นอย่างไร “ขึ้นอยู่กับ” ความช่วยเหลือของบรรดาพันธมิตรจากตะวันตก “อย่างแท้จริง”


อีกด้านหนึ่ง รายงานโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของชาวยูเครน นับตั้งแต่สงครามกับรัสเซียปะทุ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ชาวยูเครนมากกว่า 14 ล้านคน คิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของประชากรทั้งประเทศ ในช่วงก่อนเกิดสงคราม กลายเป็นผู้พลัดถิ่นที่อยู่อาศัย


จากจำนวนดังกล่าวราว 6.5 ล้านคน ยังคงอาศัยกระจายอยู่ใน 11 ประเทศ ในฐานะผู้ลี้ภัย อีกราว 3.7 ล้านคน พลัดถิ่นฐานอยู่ภายในยูเครน และอีกมากกว่า 4.5 ล้านคน ทั้งที่ลี้ภัยต่างประเทศและพลัดถิ่นอยู่ในประเทศนานระยะหนึ่ง เดินทางกลับไปอาศัยยังบ้านเรือนของตนตามเดิมแล้ว.

เครดิตภาพ : AFP