จากกรณีรถสองแถวที่ขึ้นเขาคิชฌกูฏเกิดอุบัติเหตุระหว่างลงเขาเพื่อส่งผู้โดยสารไปที่คิวรถวัดพลวง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นคนไทย จ.จันทบุรีและมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นนักท่องเที่ยวไทย 6 ราย และนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย 3 ราย             

ความคืบหน้าวันที่ 1 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุพบว่าทั่วบริเวณวัดพลวง และสถานที่จัดงานตลอดจนบริเวณลานจอดคิวรถ ต่างเนืองแน่นไปด้วยคณะผู้แสวงบุญ ตลอดจนนักท่องเที่ยว  ที่ยังคงไม่สิ้นศรัทธา ต่างเดินทางมารอขึ้นรถเพื่อเดินทางขึ้นไปกราบไหว้นมัสการรอยพระพุทธบาทกันอย่างเนืองแน่น  ส่งผลทำให้ร้านค้า เครื่องบูชาสังฆทาน ร้านขายของฝาก มีบรรยากาศการซื้อขายคึกคักไปด้วย

นายพีระ เรืองภักดิ์ หัวหน้าคิวรถวัดพลวง กล่าวว่า รถรับส่งผู้โดยสารในคิววัดพลวงทุกคัน จะต้องดำเนินการให้อยู่ในข้อกำหนดกฎเกณฑ์ ดูแลมาตรฐานความปลอดภัยทุกคัน โดยจะมีการตรวจสภาพรถในทุก 7 วันเพื่อตรวจสภาพความพร้อมของรถในส่วนที่สำคัญโดยเฉพาะระบบช่วงล่าง ทั้งตรวจผ้าเบรก ตรวจช่วงล่าง รวมถึงคุณภาพยางรถให้มีความสมบูรณ์อย่างสม่ำเสมอ

สำหรับเรื่องยางที่เป็นประเด็นดราม่า ทางหัวหน้าคิวรถได้ให้ข้อมูลว่า เป็นยางประเภทที่เหมาะสำหรับทางลาดชันขึ้นเขาอยู่แล้ว ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้มากว่า 20 ปี และในช่วงเย็นที่ผ่านมา ทางคิวรถก็ได้มีการนำเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน เกี่ยวกับมาตรการในการเปลี่ยนคนขับทุกๆ 8 ชั่วโมง เพื่อให้คนขับได้มีการพักผ่อนอย่างเต็มที่ และทางคิวรถวัดพลวงยินดีที่จะเยียวยาผู้เสียชีวิต รวมถึงผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะที่นักท่องเที่ยวรายหนึ่ง เปิดเผยว่า  หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ยังมีความเชื่อมั่น ไม่เป็นปัญหาหรือส่งผลกระทบด้านจิตใจ เพราะมาแสวงบุญทุกปี แต่ก็รู้สึกกลัวอยู่บ้าง ในบางช่วงที่คนแสวงบุญเยอะ รถที่มีความเร็วและตอนขับสวนทาง แต่ยังเชื่อมั่นในทักษะ ความเชี่ยวชาญของคนขับ จึงไม่รู้สึกกลัวมากนัก และอยากฝากถึงผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวที่ยังอยากมาทำบุญให้มาท่องเที่ยวจันทบุรีให้มากๆ โดยให้เช็กวันหรือช่วงสภาพอากาศช่วงที่ไม่มีฝน เนื่องจากจะมีความปลอดภัยมากกว่า