เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยและพัฒนา Jet Propulsion Laboratory (JPL) ในความดูแลขององค์กรการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ หรือ “นาซา” ได้เผยแพร่ผลงานจากการศึกษาครั้งล่าสุด เกี่ยวกับดวงจันทร์บริวาร “ยูโรปา” ซึ่งเป็น 1 ในดวงจันทร์บริวาร 95 ดวง ของดาวพฤหัสบดี มีความสามารถในการผลิตก๊าซออกซิเจนได้ในปริมาณที่สูงถึง 1,000 ตัน ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง

ปริมาณของก๊าซออกซิเจนขนาดนี้ ถือว่าพอเพียงจะให้มนุษย์ 1 ล้านคน ใช้ในการหายใจได้อย่างสบายใน 1 วัน และเป็นปริมาณที่สามารถส่งผลกระทบต่อมหาสมุทรใต้ดินบนดวงจันทร์ยูโรปา ซึ่งประเมินว่าน่าจะมีปริมาณของน้ำในมหาสมุทรมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทุกแห่งบนโลกรวมกันถึง 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยระบุว่า ปริมาณออกซิเจนที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ ต่ำกว่าระดับที่คาดเอาไว้ในตอนแรก

ยูโรปาซึ่งเป็นดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้ดาวพฤหัส ในลำดับที่ 6 มีขนาดเล็กกว่าโลกของเราเพียงเล็กน้อย และคาดว่าน่าจะมีลักษณะของชั้นแมนเทิล (ชั้นที่อยู่ถัดจากเปลือกโลกที่อยู่บนสุด) เป็นหินและมีแก่นหรือชั้นใจกลางดวงดาวเป็นโลหะเหมือนกับโลก

ผลของการศึกษาครั้งนี้ เผยแพร่ในวารสาร Nature Astronomy เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นำเสนอข้อมูลที่ระบุว่า ดวงจันทร์ยูโรปาสามารถผลิตก๊าซออกซิเจนได้วินาทีละ 26 ปอนด์ 

ก่อนหน้าที่ทีมวิจัยได้ประเมินว่ายูโรปา น่าจะผลิตก๊าซออกซิเจนได้วินาทีละ 2,000 ปอนด์

การประเมินครั้งใหม่นี้ เป็นการคำนวณโดยอาศัยฐานมาจากปริมาณก๊าซไฮโดรเจน ที่ยูโรปาปล่อยออกมาที่พื้นผิวของชั้นเปลือกนอกของดาว ที่มีลักษณะเป็นชั้นน้ำแข็ง ซึ่งมียานสำรวจ “จูโน” ที่โคจรผ่านยูโรปาเมื่อปี 2565 ช่วยรวบรวมข้อมูล

แม้ว่าดวงจันทร์ยูโรปาจะมีก๊าซออกซิเจนอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นสถานที่ที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้อย่างปลอดภัย เพราะสภาพหลายอย่างไม่อำนวย เช่น พื้นผิวของยูโรปามีรังสีอวกาศอันเข้มข้น ต่อให้เป็นมนุษย์ที่สวมชุดนักบินอวกาศเต็มยศ ก็ไม่สามารถทนทานรังสีนี้ได้เกิน 1 วัน 

นาซา ส่งยานสำรวจจูโนไปยังดาวพฤหัสบดีเมื่อปี 2554 และมันก็ทำหน้าที่สำรวจดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะมาตั้งแต่ปี 2559 และยังวางแผนว่าจะเปิดตัวภารกิจ “ยูโรปาคลิปเปอร์” (Europa Clipper) ในวันที่ 10 ตุลาคม 2567 เพื่อสำรวจดวงจันทร์ยูโรปาโดยเฉพาะ และค้นหาว่า จะสามารถดัดแปลงสภาพดาวบริวารที่มีชั้นน้ำแข็งปกคลุมเต็มไปหมดนี้ เพื่อให้เหมาะสมแก่การอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหรือไม่ แม้ว่ามันจะยังไม่ใช่ดวงดาวที่ “มีแวว” มากที่สุด ที่จะกลายเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ได้ในอนาคต

ที่มา : cbsnews.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES