เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) แจ้งเตือนพบจุดความร้อนในประเทศเพื่อนบ้าน เมียนมา พุ่งสูง 6,332 จุด และทิศทางลมเป็นลมจากตะวันตก/ตะวันตกเฉียงเหนือพัดพาเข้าภาคเหนือตอนบน ทำให้สถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจุดความร้อนจากการเผาของไทยเองสูงเป็นลำดับสอง จำนวน 3,013 จุด เป็นการลักลอบเผาในพื้นที่ป่า รวม 2,255 จุด พื้นที่เกษตรและเกษตรในเขต ส.ป.ก. รวม 514 จุด สูงสุดคือจังหวัดลำปาง 354 จุด แม่ฮ่องสอน 343 จุด เชียงใหม่ 329 จุด ทำให้คุณภาพอากาศ ฝุ่น PM2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง เป็นสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สูงกว่า 75 มคก./ลบ.ม.) ค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุด จ.แม่ฮ่องสอน 201.4 มคก./ลบ.ม. ลำปาง 179.9 มคก./ลบ.ม. จ.ลำพูน 136.4 มคก./ลบ.ม.

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน ขอแจ้งกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยกระดับมาตรการเข้มงวดสูงสุด ควบคุมการเผาของประชาชน ทั้งการลักลอบเผาป่าเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์ เลี้ยงสัตว์ การเผาของเกษตรกรตั้งแต่การเผาวัสดุเพื่อเก็บเกี่ยว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนที่สูง การเผาฟางข้าวในนา เผาอ้อย สิ่งเหล่านี้ คือต้นตอของค่าฝุ่นที่ส่งผลกระทบกับทุกคน นอกเหนือจากการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน หากจำเป็นจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับผู้ลักลอบเผา

ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ยกระดับการป้องกันสุขภาพประชาชน ในการแจกหน้ากากอนามัย จัดทำห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการสาธารณสุข 2,685 ห้อง ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง สามารถแจ้งและขอรับความช่วยเหลือจาก อสม. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ ขอเชิญชวนประกาศให้ประชาชนทำงานที่บ้าน WFH เพื่อป้องกันสุขภาพ ประชาชนสามารถค้นหาห้องปลอดฝุ่นใกล้บ้าน ได้ที่เว็บไซต์ห้องปลอดฝุ่น https://podfoon.anamai.moph.go.th