วันที่ 7 มี.ค. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ จัดงานเสวนา เดลินิวส์ ทอล์ก 2024 (Daliynews Talk 2024) หัวข้อ “เช็กความพร้อมยานยนต์ไทย สู่..ท็อปเท็นโลก อย่างยั่งยืน”  โดยมี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติปาฐกถาพิเศษ  หลังจากนั้นมีการเสวนาในหัวข้อ “อนาคตรถสันดาป-รถอีวี ไปทางไหน?” โดยมีนายสุวัชร์  ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และ นายพงษ์ศักดิ์  เลิศฤดีวัฒนวงศ์  รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด  ร่วมเสวนา

นายพงษ์ศักดิ์  เลิศฤดีวัฒนวงศ์  รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอเชียเป็นตลาดใหญ่สุดในยอดขายรถยนต์ และเป็นอีวี 9.9 ล้านคันทั่วโลก เท่ากับ 14% โดยตลาดที่มีอัตราเติบโต คือ ตลาดที่ไม่มีพลังงานของตัวเอง  สำหรับประเทศไทยรถยนต์สันดาป หรือรถน้ำมัน จะยังไม่หายไปจากตลาด ทำอย่างไรให้รถยนต์สันดาป และอีวี โตไปด้วยกัน โดยรถอีวีเป็นตัวเสริม โดยตลาดรถยนต์ของไทยปีที่แล้วมียอดขาย 7.7 แสนคัน เป็นรถอีวี 7 หมื่นคัน แต่ 10% ยังมีโอกาสเติบโต โดยในปีนี้น่าจะมียอดขายได้ถึง 1 แสนคัน ต้องขอบคุณภาครัฐที่สนับสนุนเรื่องนี้ โดยมีเป้าหมายผลิตให้ได้  30%  ก็มีความเป็นไปได้สูง  แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์นั่งก่อน

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังขาดเรื่องแบตเตอรี่ เนื่องจากรัฐยังมองเป็นเรื่องวัตถุต้องห้าม ต้องทดสอบ จึงเป็นอุปสรรคมากกว่าโอกาส  จึงอยากให้ภาครัฐส่งเสริมดีมานด์หรือความต้องการในประเทศก่อน ซึ่งไทยพร้อมในทุกเรื่องของรถไฟฟ้าหรืออีวี แต่ไทยขาดเรื่องแบตเตอรี่อย่างเดียว ภาคเอกชนไทยมีศักยภาพ แต่ยังไม่โดดลงมาเล่น อยากให้รัฐบาลส่งเสริมให้เอกชนเข้ามา ซึ่งเอกชนไทยสามารถทำได้แน่ ทั้งเรื่องการผลิตและรีไซเคิล ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์อีวี เป็นแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพสูง สามารถเอามารียูสใช้ได้ ก่อนที่จะเอาไปรีไซเคิล

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า การทำให้ไทยติดท็อป 10 ผู้ผลิตรถไฟฟ้าทำได้ไม่ยาก แต่การทำให้ยั่งยืนถือเป็นเรื่องยาก เมื่ออุตสาหกรรมเมื่อถูกดิสรัปชั่นแล้ว ก็จะเปลี่ยนแปลงไป โลกเปลี่ยนตลอดเวลา เราต้องเป็นเจ้าของเทคโนโลยี ถึงจะช่วยให้เกิดความยั่งยืน ไม่เช่นนั้นจะถูกคู่แข่งแซง เพราะตลาดไทยไม่ใหญ่ การเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเองจะช่วยให้เกิดความยั่งยืนมากกว่า

“กติกาการค้าใหม่ จะใช้เรื่องสิ่งแวดล้อมมากีดกันทางการค้า มองว่าไทยมีโอกาสมากกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เพราะไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร จึงเห็นว่า จีน ยุโรป มาลงทุนในไทย การผลักดันเรื่องสิ่งแวดล้อม จะเป็นตัวเสริมมาช่วย ลดการกีดกันทางการค้า อยู่ที่ไทยจะฉวยโอกาสได้อย่างไร จากประเทศที่มีความขัดแย้ง ซึ่งเรื่องรถไฟฟ้า มีเรื่องระบบความปลอดภัย  มีระบบการเชื่อมต่อ มีซอฟต์แวร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ไทยมีคนเก่งเรื่องซอฟต์แวร์ จึงเป็นโอกาสของไทย”