จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “ฟุตบาทไทยสไตล์” ซึ่งเป็นเพจดัง มีผู้ติดตามกว่า 1.3 แสนบัญชี มีบทบาทคอยรับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้เดินทางเท้าทั่วประเทศไทย และรายงานข่าวสารเพื่อส่งเสียงถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าปรับปรุงแก้ไข โดยล่าสุดเป็นประเด็นขึ้นมาในส่วนของกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่ของสำนักงานเขตพระนคร ซึ่งทางเพจได้โพสต์ภาพบรรดารถยนต์หลายสิบคันจอดเรียงรายปิดกั้นทางเดินริมคลองโอ่งอ่างและข้อความระบุใจความว่า “ฝากเรื่องหน่อยครับ ริมคลองโอ่งอ่าง ฝั่งหลังโรงแรมมิราม่า เพิ่งปูพื้นใหม่ได้ไม่ถึง 5 เดือน ก็ทำเป็นที่จอดรถไปแล้ว เคยลองไปเดินเหมือนกระเบื้องบางแผ่นจะหลุดร่อนแล้วด้วยครับ #ฟุตบาทไทยสไตล์” กระทั่งเพจเฟซบุ๊กของสำนักงานเขตพระนคร ได้เข้าไปตอบคอมเมนต์และแนบรูปภาพ ว่า “สำนักงานเขตพระนคร ได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจเข้าดำเนินการตั้งแผงเหล็กติดป้ายประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือมิให้จอดรถบริเวณทางเท้าริมคลองโอ่งอ่าง และติดประกาศแจ้งข้อกฎหมายกับเจ้าของรถยนต์ที่จอดรถบริเวณดังกล่าวได้รับทราบ ทั้งนี้ หากมีการฝ่าฝืนจักได้ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป” ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 มี.ค. ที่ ถนนมหาไชย แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ริมทางเดินคลองโอ่งอ่าง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่กรุงเทพมหานคร ปรับภูมิทัศน์ใหม่คลองโอ่งอ่าง บริเวณสะพานหันจักรเพชร โดยพัฒนาเป็นถนนคนเดินกระตุ้นการท่องเที่ยวเศรษฐกิจและเพื่อเป็นการสร้างรายได้แก่ชุมชนมานานกว่า 3 ปี นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 63 นั้น เมื่อเดินย้อนสำรวจไปทางฝั่งสะพานระพีพัฒนภาค ที่มีภาพปรากฏก่อนหน้านี้ว่า มีการนำรถจำนวนมากไปจอดเรียงราย ล่าสุดไม่พบรถเต็มพื้นที่ทางเดินเท้าแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพระนคร ได้มีการนำแผงเหล็กกั้น พร้อมป้ายข้อความระบุ “พื้นที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ขอความร่วมมืองดจอดรถบริเวณนี้ ขออภัยในความไม่สะดวก” วางตามจุดตลอดทางเดินเท้า อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีรถบางคันที่จอดทิ้งไว้ และเจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารประกาศสำนักงานเขตพระนคร เรื่อง ขอความร่วมมือไม่ให้จอดหรือขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือล้อเลื่อนบนทางเท้าแปะเตือนไว้หน้ากระจกรถ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อมีรถจักรยานยนต์ขับขี่ขึ้นมาบนทางเท้าจะได้ยินเสียงกระเบื้องปูนแต่ละแผ่นที่ปูวางไว้ดังขึ้นคล้ายผุกร่อนและมีเศษแตกหักเล็กน้อย ขณะที่บางแผ่นมีร่องรอยการแตกหักอย่างชัดเจน ทำให้พื้นที่ทางเท้าในบริเวณดังกล่าวไม่ราบรื่นเรียบเนียนสม่ำเสมอกัน ทั้งยังพบเศษขยะถูกทิ้งไว้ตามซอกช่องระบายน้ำ อาทิ ซองบุหรี่ มวนบุหรี่ที่ใช้แล้ว หลอด ขวดแก้ว ขวดเครื่องดื่มชูกำลัง กล่องน้ำดื่มผลไม้ หน้ากากอนามัย เป็นต้น

นอกจากนี้ ด้านฝั่งทางเดินมุ่งหน้าไปยังฝั่งสะพานภาณุพันธุ์ ตลอดข้างทางพบกลุ่มคนเร่ร่อน นำผ้าปูนอน หรือบางรายใช้สัมภาระวางกั้นเขตนอนของตัวเองไว้ บางรายนอนบนปูนข้างริมคลอง ขณะที่สภาพงานศิลปะแนวสตรีตบนไม้กระดานที่ถูกพิงวางไว้กำแพงตามทางเดิน บางส่วนแตกหักเป็นชิ้นส่วน ไม่ได้ถูกจัดเก็บให้เรียบร้อยจนกีดขวางทางเดิน ทั้งยังมีการนำสเปรย์พ่นสีดำลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนสาธารณะจนเปรอะเปื้อน มีน้ำขังบนฝาท่อน้ำ เรียกได้ว่าหากประชาชนที่ต้องการเดินเท้าเพื่อชมบรรยากาศตลอดทางคลองโอ่งอ่างในช่วงเวลากลางวัน โดยที่ไม่ได้เริ่มต้นจากฝั่งเมก้า พลาซ่า สะพานเหล็ก อาจจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้เป็นเวลากลางวันก็ตาม

ด้านนายโกศล สิงหนาท ผอ.เขตพระนคร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ ว่า สำหรับกรณีกรณีที่มีรถจักรยานยนต์และรถยนต์ขึ้นไปจอดไว้บนทางเท้าริมคลองโอ่งอ่าง ตนได้กำชับพร้อมมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่เทศกิจ ลงพื้นที่ทำการประชาสัมพันธ์และให้นำแผงเหล็กไปวางกั้นไม่ให้มีการจอดรถและจะมีการติดตามประเมินผลว่ามีการให้ความร่วมมือหรือไม่ ถ้าไม่มีการให้ความร่วมมือก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยในส่วนของข้อกฎหมายจะมองได้ 2 ประการ คือ 1.ต้องพิจารณาว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นทางเดินหรือไม่ หรือเป็นถนนไปแล้ว หากยังเป็นทางเดินอยู่ อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และ 2.อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 แต่อย่างไรคงต้องไปดูพฤติการณ์ทั้งหมดก่อน เพื่อประเมินลักษณะความผิดว่าเข้าข่ายข้อกฎหมายในมาตราใด อีกทั้งล่าสุดตนยังไม่ได้รับรายงานว่า มีบุคคลฝ่าฝืนนำรถขึ้นไปจอดอีกหรือไม่ แต่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทุกวัน เพื่อตรวจตราและสอดส่องไล่ตั้งแต่ทางเดินฝั่งสะพานระพีพัฒนภาค ไปจนถึงฝั่งสะพานภาณุพันธุ์

ส่วนเรื่องกลุ่มคนเร่ร่อนที่นอนตามพื้นที่สาธารณะตลอดริมคลองโอ่งอ่าง ตนขอเรียนว่ากรณีของคนไร้บ้านยังเป็นปัญหาสำคัญอันดับหนึ่งของสำนักงานเขตพระนคร ซึ่งเราจะต้องดำเนินการแก้ไขต่อเนื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังคงมีอยู่หลายจุด โดยเฉพาะในส่วนของถนนราชดำเนินและบริเวณสนามหลวง แต่บางส่วนก็มีประปรายมายังของคลองโอ่งอ่าง อย่างไรก็ตาม มาตรการเบื้องต้นระยะสั้นคงจะต้องให้มีการผลักดันไม่ให้มีการนอนในที่สาธารณะเพราะผิดข้อกฎหมาย แต่ในระยะยาวเรามีวิธีการดูแลคนไร้บ้านอยู่ 2 ส่วน คือ 1.การดูแลเรื่องสวัสดิการแก่คนไร้บ้าน ซึ่งไม่สามารถละทิ้งได้ ทั้งเรื่องอาหาร สุขภาพอนามัย เป็นต้น 2.การดูแลจัดหาสถานที่ที่จะเป็นศูนย์รวมสำหรับคนไร้บ้าน เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นสถานฝึกประกอบวิชาชีพ หรือสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะของตนเองได้ ณ ขณะนี้ เราได้มีการเช่าทำสัญญากับสำนักทรัพย์สินฯ บริเวณประปาแม้นศรี (หลังเก่า) รอยต่อเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จึงอยู่ระหว่างการเตรียมเข้าไปปรับปรุงเพื่อเข้าใช้พื้นที่ และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าในส่วนของมาตรการขั้นตอนระยะยาวจะสามารถดำเนินการได้ในช่วงปลายปีงบประมาณนี้

“ในระหว่างนี้ หากเจ้าหน้าที่เทศกิจพบว่ามีกลุ่มคนเร่ร่อน หรือคนไร้บ้านยังคงนอนอยู่ในพื้นที่สาธารณะ หรือริมทางเท้าคลองโอ่งอ่าง เราก็จะขอความร่วมมือไม่ให้นอน โดยจะยังไม่ดำเนินการเด็ดขาดด้วยการเอาผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด เพราะตนมองว่าควรต้องเริ่มต้นจากการพูดคุยทำความเข้าใจ ยืนยันว่าไม่สามารถนอนในพื้นที่สาธารณะได้” ผอ.เขตพระนคร ระบุ

นายโกศล กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการทิ้งขยะลงในท่อระบายน้ำบนทางเดินเท้าคลองโอ่งอ่างนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ คนไร้บ้าน หรือนักท่องเที่ยวก็ตาม อย่างไรเราก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือ แต่ถ้ายังไม่ปฏิบัติหรือให้ความร่วมมือเต็มที่ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะนโยบายของกรุงเทพมหานครในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะในพื้นที่คลองสาธารณะต่างๆ ที่ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ ทั้งคลองโอ่งอ่างและคลองบางลำพู ก็ต้องร่วมมือช่วยกันรักษาความสะอาด แต่ถ้าจะมองเรื่องการอำนวยความสะดวกจริงๆ ตนก็จะมีการพิจารณาเพิ่มจุดทิ้งขยะให้เพื่อลดปัญหาจำนวนขยะที่เพิ่มขึ้น

สำหรับกรณีที่นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้หารือระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรฝากถึงกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงการเสียโอกาสของคลองโอ่งอ่างว่าได้ถูกปล่อยทิ้งร้างกลายเป็นพื้นที่ให้คนเร่ร่อนมาหลับนอน สร้างความไม่ปลอดภัยให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงนั้น นายโกศล แจงว่า ตนต้องเรียนว่าคลองโอ่งอ่างมีอยู่ 2 ฝั่ง คือ ฝั่งเขตพระนครและฝั่งเขตสัมพันธวงศ์ เดิมมีเทศกาลลอยกระทง ซึ่งทั้งสองเขตจะต้องจัดงานร่วมกัน โดยการผลัดกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งแต่เดิมจุดมุ่งหมายคือการต้องการให้เป็นถนนคนเดิน มีทั้งผู้ค้าและผู้ประกอบการตามอาคารบ้านเรือนต่างๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา มันจะมีลักษณะของการที่ไม่ได้ดำเนินการจัดอีเวนท์หรือกระตุ้นการใช้พื้นที่มากพอสมควร จะเห็นได้ว่ายังไม่มีการจัดกิจกรรมอะไร แต่ล่าสุดช่วงต้นเดือน มี.ค. ตนและคณะทำงานได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยหารือกับผู้ประกอบการร้านของเล่นของเมก้า พลาซ่า สะพานเหล็ก และผู้ค้าโดยรอบ ซึ่งเป็นการลงพื้นที่ก่อนที่นายเกรียงยศ จะไปหารือนำเสนอในที่ประชุมสภา สส. และตนได้หารือว่าเราจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจตรงคลองโอ่งอ่างอย่างไรได้บ้าง เพราะเรามีกายภาพที่สวยงาม ตนไม่อยากให้ประชาชนและผู้ค้าเสียโอกาสอีกต่อไป จึงได้ผลสรุปแนวคิดร่วมกันว่าเราจะจัดสัปดาห์งานของเล่น (Art Toy) โดยเป็นการดึงจุดแข็งเรื่องของเล่นของผู้ประกอบการย่านสะพานเหล็ก ออกมาวางโชว์และขาย นี่คือสิ่งที่เราจะดำเนินการก่อนเทศกาลสงกรานต์ มั่นใจว่าจะช่วยกระตุ้นศักยภาพในเศรษฐกิจชุมชนได้มากขึ้น.