ฮัลโหลๆ แฟนๆ ที่รักของอิชั้น “คนสวยหลักสี่” สาวสวยที่เริ่ดที่สุดในย่านหลักสี่มาแล้วจ้า ใครรออัปเดตข่าวสารต่างๆ อยู่ คุณมาถูกทางแล้วค่ะ อิชั้นมีรอเสิร์ฟให้คุณแบบเพียบๆ เลยจ้า แต่จะมีข่าวไหนยังไงบ้าง ตามมาเลย พร้อมเล่าแล้วจ้า

@ประเดิมข่าวแรกกันที่ข่าวของซูเปอร์สตาร์สาวสวย “เนเน่ พรนับพัน” หรือ เนเน่ เจิ้งหน่ายซิน กันเลยจ้า ที่ล่าสุดปล่อยออดิโอเพลง All to myself ออกมาได้พักใหญ่แล้ว และบอกเลยว่านับวันยิ่งฮอตและแฟนๆ ฟังวนจนร้องได้กันรัวๆ แถมเพลงนี้ยังดังไกลไปในหลายๆ ประเทศอีกด้วย โดยหลายคนยังคงลุ้นหนักมากว่า พระเอกเอ็มวี ของสาวเนเน่จะเป็นใครกันแน่ แถมหลายคนยังบอกอีกด้วยว่าไม่ว่าจะเป็นเพลงไหนยังไงก็เชื่อว่าสาวเนเน่ปังแน่นอน และที่หลายคนชมหนักไม่หยุดคือหลงรักสาวเนเน่เข้าอย่างจังไปแล้ว เพราะเธอน่ารักและสวยโดดเด่น แถมมีความสามารถมากๆ ทำเอาเหล่าอะตอม (ชื่อแฟนคลับ) ของเนเน่คนไหนได้ยิน เป็นต้องภูมิใจในตัวเนเน่จริงๆ จ้า แอดก็ฟันธง คนอะไร สวยครบเครื่องที่สุด ไม่เลิฟเนเน่ก็ไม่รู้จะเลิฟใครแล้วล่ะจ้า

@ต่อกันที่ข่าวของ จำนน (White Flag) เพลงนี้มีจุดเริ่มต้นมาจาก “แอ้ม อัจฉริยา” (นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์) เกิดไอเดียอยากให้ นนท์-ธนนท์ จำเริญ มีเพลงชื่อว่า “จำนน” ที่เป็นเหมือนการเล่นคำซ้ำจากชื่อของนนท์ จากนั้นนำมาคิดต่อว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงเศร้ากับประโยคที่ว่า “ต้องยอมจำนนกับคนไม่มีใจ” เพลงนี้เล่าถึงมุมมองของคนแอบรักยอมทำทุกอย่างแต่เขาก็ไม่เคยมองเห็นเลยจึงได้แต่คอยเตือนตัวเองเสมอว่า ถ้าเขาไม่มีใจก็ถอยออกมาดีกว่า พร้อมยอมรับความพ่ายแพ้และจำนนต่อความจริง ผ่านส่วนผสมของดนตรี Pop RnB และ Soul ถ่ายทอดผ่านเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนนท์

“เพลงนี้แตกต่างของเพลงก่อนๆ ที่เคยแต่งให้นนท์ คือ มีการเล่นคำมากกว่า การใช้คำภาษากวีที่ไม่ค่อยได้ใช้ในเพลงก่อนๆ มาใช้ในเพลงนี้ และยังไม่เคยแต่งเพลงที่เศร้าแบบอกหักขนาดนี้มาก่อน แบบจะต้องตัดใจยอมพ่ายแพ้ต่อความรัก และด้วยคาแรกเตอร์ของนนท์ถ้าเขายอมแพ้ มันจะแพ้ประมาณไหน เราก็เลยรู้สึกว่ายากในการที่จะเรียบเรียงในการเขียนเนื้อเพลง และใช้เวลาในการตีโจทย์ตรงนี้นานมากๆ และที่สำคัญรู้สึกดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับนนท์อีกครั้ง นนท์เป็นศิลปินที่สามารถร้องเพลงๆ หนึ่งให้มันเพราะไปกว่าที่มันควรจะเพราะได้อีก คือนนท์สามารถเติมเต็มเพลงๆ หนึ่งให้เพราะมากขึ้นเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์” แอ้ม อัจฉริยา กล่าว

ในส่วนของ MV นอกจากนนท์จะอิมโพรไวส์โน้ตสวยๆ ในเพลงนี้แล้ว ภาพใน MV เพลงนี้แต่ละมุมของนนท์สื่ออารมณ์ความเศร้าได้อย่างชัดเจน ทำให้คนดูรับรู้ถึงความรู้สึกของนนท์จริงๆ กับความพ่ายแพ้จนแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหวเลยทีเดียว

@ต่อกันที่ข่าวของหลังจากเซอร์ไพร้ส์เปิดลุคใหม่แบบแซ่บไฟลุกทำเอาแฟนๆ ถึงกับอ้าปากค้างกันไปแล้ว ล่าสุด Chilax (ชิลแล็กซ์) วงดนตรีมากความสามารถที่น่าจับตามอง ด้วยสไตล์ดนตรี Synth ที่ผสมผสาน Sound Design ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากค่ายเทโร มิวสิค นำโดย แองจี้-พิชญ์สินี ไพศาลกูล (นักร้องนำ), พล-อัครพล ซุกลา (กลอง), สกาย-ภัทรพล วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา (กีตาร์), เจมส์-ดนุพล โฉมสวย (เบส) และ อ๋อง-สุทธิพัฒน์ คุณากร (คีย์บอร์ด) คว้าตัวแร็ปเปอร์หนุ่มมาดกวน GUYGEEGEE (กายจีจี) ผนึกกำลังความซี้ดมาร่วมฟีทเจอริ่งเพลงใหม่ล่าสุด “ขอเธออย่า” เพลงที่บอกให้คนเจ้าชู้ต้องระวังตัวไว้ให้ดี!!

สำหรับเพลง “ขอเธออย่า” เกิดจากไอเดียของวงที่อยากทำเพลงที่มีจังหวะ มีความเท่ และมีความเป็นเอกลักษณ์ สมาชิกในวง อ๋อง (คีย์บอร์ด) จึงทำดนตรีขึ้นมา จากนั้นพล (มือกลอง) ฟังดนตรีนึกถึงคำว่า “ขอเธออย่า” และได้ขึ้นต้นหัว Hook เพลงไว้ แล้ว แองจี้ (นักร้องนำ) ก็ได้นำคอนเซปต์นี้ไปแต่งต่อ จากนั้นอ๋องเห็นภาพว่าเพลงนี้สามารถนำดนตรีแนว Hiphop ที่มีกลิ่นอายของ Old School มาผสมได้ ทำให้เพลงมีความหนักแน่น โถม และหม่น ส่งไปกับความรู้สึกไม่พอใจ โกรธ และสมเพช ส่วนเนื้อหาเพลงวงจะเล่าในมุมของผู้หญิงที่มีแฟนเจ้าชู้ เมื่อถึงจุดที่ทนไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินออกมา ซึ่งเพลงนี้กำลังบอกแฟนที่เจ้าชู้ว่าถ้าเธอจะไปมีใครใหม่หรืออยากจะจริงจังกับใคร ก็อย่าไปให้ความหวังไปทำตัวเจ้าชู้อีก ด้วย Mood & Tone ของเพลง ในส่วนของ Verse 2 อยากจะขยี้ความความรู้สึกเพิ่มเข้าไป และต้องการให้มีความทะเล้น กวน เพื่อเพิ่มมิติและสีสันของเพลง และเป็นท่อนที่ดูเหมาะกับการมี Rap จึงได้นึกถึงแร็ปเปอร์หนุ่ม GUYGEEGEE (กายจีจี) ที่จะมาถ่ายทอดในมุมมองของเพื่อน ที่มาช่วยพูดกับแฟนเจ้าชู้คนนั้น ในเชิงปกป้องเพื่อน ซึ่งขยี้ความสมเพชในตัวแฟนที่เจ้าชู้ บวกกับสไตล์ความทะเล้น กวนๆ ในแบบฉบับของ GUYGEEGEE ซึ่งตรงตามที่ Chilax ได้เห็นภาพไว้สำหรับในท่อน Verse 2

“แองจี้” นักร้องนำ เผยความรู้สึกให้ฟังว่า “ถือเป็นการเริ่มต้นปี 2024 ที่ดีของ Chilax นะคะ ที่ได้ย้ายมาอยู่สังกัดบ้านใหญ่ค่ายเทโร มิวสิค นับเป็นการขยับขยายเปลี่ยนแปลง ได้ทำงานกับคนที่หลากหลายมากขึ้น มีมุมมองใหม่ ๆ และทีมก็ให้การ Support เป็นอย่างดีค่ะ สำหรับซิงเกิลใหม่ “ขอเธออย่า” เพลงนี้ท้าทายกับเรามาก ได้เปลี่ยน Mood&Tone ของวง ทั้งในด้านการเล่าเรื่อง และลุคใหม่ของวงทั้งหมด ในส่วนการร้องก็แตกต่างไปจากเดิมค่อนข้างมาก ต้องทำการบ้าน ทั้งวิธีการร้องและถ่ายทอดอารมณ์เพลง ซึ่งเราก็ได้ค้นพบและเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ด้วย เพลงนี้ได้เรายังได้พี่ GUYGEEGEE มาฟีทเจอริ่งมาช่วยเสริมทำให้เพลงนี้ออกมาลงตัวและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ในส่วนของ MV เพลงนี้จะพูดถึงความแอบแซ่บของหนุ่มเจ้าชู้ที่มีแฟนแล้วแต่ไม่รู้จักพอ! พอจับได้เราก็ตามมาแก้แค้นถึงที่ค่ะ MV ต้องการสื่อว่าผู้หญิงที่เคยเจ็บปวด เสียใจ ร้องไห้ฟูมฟายกับแฟนเจ้าชู้ แต่วันนี้พร้อมที่จะเดินออกไป เราต้องการให้เห็นความ Strong ที่วันนี้มูฟออนได้และอยากจะฝากบทเรียนไว้ให้กับคนเจ้าชู้ บอกเลยว่าถ้าใครเจอเรื่องราวแบบในเพลงนี้ ก็ส่งเพลงนี้ไปบอกเขาว่า .. ขอเธออย่า ทำนิสัยแบบนี้กับใครอีก แล้วเดินออกมาแบบสับๆ เลยค่ะ “

@มากันที่ข่าวของสิ้นสุดการรอคอยของเหล่า User ยูสเซอร์ ที่ตั้งตารอกันมาพักใหญ่ ว่า จาก 6 สมาชิกของหนุ่มๆ PROXIE ใครกันนะที่จะเป็นคนแรกของ PROXIE Solo Project ผลงานเพลงเดี่ยวของพวกเค้า ซึ่งก็ประเดิมกันด้วย โชกุน-ปวริศร์ ศรีชัยชนะ กับเพลง “ชอบไหม ไหนลองบอก (Just Talk)” ซึ่งเพลงนี้ ได้ ครูเจน-เจนพัฒน์ มนตรีเลิศรัศมี โปรดิวเซอร์ ที่คุ้นเคยกับสมาชิกวง PROXIE เป็นอย่างดี จากครูผู้ฝึกสอนในพาร์ตดนตรี ในรายการ The BROTHERs Thailand มาปลุกปั้นให้กับมือ เรียกได้ว่าเพลงนี้ ถูกผสมผสานออกมาเป็น โชกุน ได้อย่างลงตัว ครบรส ในจังหวะและนองที่ทั้งเต้นได้ มีเสียงของกีตาร์ไฟฟ้า ที่ใช้เอฟเฟกต์แบบโอเวอร์ไดร์ฟ ได้เท่ และมีความร็อกหนักแน่นมากขึ้นไปอีก

โชกุน เผยว่า “รู้สึกดีใจมาก ๆ ครับผมที่เพลงนี้ออกมาได้สมบูรณ์ลงตัว ขอบคุณทางผู้ใหญ่มากๆ ที่ให้โอกาสในการทำผลงานดีๆ กับพวกเรา PROXIE ได้ทำ Solo นี้ขึ้นมา ซึ่งเพลง “ชอบไหม ไหนลองบอก (Just Talk)” โชกุนได้มีโอกาสมีส่วนร่วมทั้งตัวเพลงและ MV ในส่วนของเพลง กุนเลือกเป็นเพลงเร็วเพื่อที่จะได้แสดงให้เห็นถึงความถนัดของตัวเอง นั่นก็คือการเต้น แต่ก็อยากได้ความเท่ ซึ่งกุนเคยบอกครูเจนไว้ตอนทำ Solo ในคอนเสิร์ตว่าอยากให้มีความเป็นร็อกหน่อยๆ ด้วยครับ ส่วนเรื่องของ MV กุนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีความแฟนตาซี Solo ครั้งที่แล้วของกุนในคอนเสิร์ต ได้เลือกคอนเซปต์ของตัวเองคือเป็นแวมไพร์ ในครั้งนี้เลยอยากมีคอนเซปต์เป็นซอมบี้ และได้ลองแต่งตัวลุคใหม่ๆ ก็สนุกไปอีกแบบครับ ต้องขอบคุณจั๊มพ์-พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ ที่มาทำให้ MV นี้สนุกและสมบูรณ์มากๆ ครับ ขอฝาก Solo “ชอบไหม ไหนลองบอก (Just Talk)” ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะครับ”

@รัวๆกันที่ข่าวของค่าย sinner studio ที่งานนี้ขอทุ่มสุดตัวกับการทำภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง Bangkok Gangster โดยได้ผู้ 2 กำกับฝีมือดีอย่าง ประเสริฐสุข เหมทานนท์ และ อรรถวุฒิ คล่องใจ พร้อมด้วยโปรดิวเซอร์มือทองอย่างธนาวุฒิ เกสโร แถมภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริง ที่ใช้เวลารีเสิร์ชนานร่วม 2 ปี ทางด้านผู้จัดคอนเฟิร์มเลยว่าเรื่องนี้ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด

“ตอนที่ได้เห็นเรื่องนี้ครั้งแรก ภาพดูแตกต่างจากหนังไทยทั่วไป น่าสนใจ ผมถามว่าอันนี้ดีหรือยัง เค้าบอกยังไม่ค่อยจะทำให้ดีกว่านี้อีก เราเลยโอเคน่าสนใจดี มูทแอนด์โทนมันดูชัดเจนดี ผมชอบดูหนังที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริง สร้างแรงบันดาลใจ เราเป็นลูกชาวนาไม่มีตัง เราพยายามมา บอกกับตัวเองไว้ถ้าวันนึงมีตังอยากให้โอกาสกับคนอื่นที่เค้าอยากได้รับโอกาส เรื่องนี้ผมอยากให้คนดูแล้วคิดตาม ถ้าเราเป็นตัวละครตัวนี้จะทำยังไง สะท้อนให้เห็นบางครั้งเด็กสมัยใหม่อาจจะยังแยกไม่ได้ว่าชอบแล้วต้องไปทำตาม ชอบแล้วต้องเรียนรู้ไปด้วย มันมีอีโรติกบ้าง มีบ้าง เอามาจากความเรียลของเรื่องจริง คนที่อยู่ในสังคมคุกห่างมานาน อาจจะมีบ้าง เอาจริงๆไม่คาดหวังว่าจะได้เท่าไหร่ คาดหวังให้คนเข้าใจหนังมากกว่า เข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อออกมามากกว่า ว่าดูเรื่องนี้แล้วให้อะไรเรา”

“เรื่องการไปฉายที่ต่างประเทศ มีทางฮ่องกงที่ติดต่อไว้แล้ว และมีอีกหลายประเทศเลย ผมไม่ได้คสดหวัง ผมเป็นคนขายของ ผมไม่ทราบว่ามันจะต้องไปเท่าไหร่ แต่มันก็ดีหากเป็นความภูมิใจของผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ที่ประเทศไทยเรามีหนังดีๆที่ฝรั่งชอบ ผมก็แฮปปี้แล้วครับ ไม่ได้คาดหวังว่าต้องเข้าชิงหรือได้รางวัล ขอแค่คนดูแล้วเข้าใจตัวหนังเราจริงๆก็พอ แต่ที่คนมองว่าเรากลัวมั้ยหากโดนเปรียบเทียบกับ 4Kings ตรงนี้ไม่กลัวเลยครับ เนื้อเรื่องมันไม่ใช่เลย เราไม่ได้ทำเหมือนของใคร มันเป็นแบบฉบับของเรา ผมให้อิสระกับทางผู้กำกับร้อยเปอร์เซนต์ ไม่กลัวดราม่าครับเรามากันขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้จะได้กันช่วงปลายๆปีครับ”

@ยาวๆ กันที่ข่าวของ “MARINA” หรือ “มารีน่า ศดานันท์ บาเล็นซิเอก้า” นักร้องสาวลูกครึ่งไทย-สเปน ถ่ายทอดอารมณ์มาหลายบทเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลง “เบาๆ ในใจ” ประกอบละครเรื่อง “ซ่อนเงารัก” ที่เธอฝากฝีไม้ลายมือการแสดงบทฝาแฝดเอาไว้จนโด่งดังในข้ามคืน ต่อด้วยเพลง “Touch” ประกอบละคร “คือเธอ” และเพลงล่าสุด “Soulmate” ประกอบละครชุด “ดวงใจเทวพรหม ตอน ลออจันทร์” อีกทั้งยังมีเพลงฮิตบน Spotify อย่างเพลง “ไม่มีเหตุผล” และ “แข็งใจ” ด้วยสไตล์เสียงร้องสุดคม และเป็นเอกลักษณ์ วันนี้ “MARINA” ยังคงเดินทางบนเส้นทางดนตรีที่เธอหลงรัก เธอส่งซิงเกิลล่าสุดในชื่อ “สมการ (Equation) บทเพลงที่เปรียบเปรยความสัมพันธ์รักของคนเราเป็นดั่งสมการตัวเลข ที่บางครั้งต่อให้แก้มันเท่าไหร่ ก็ไม่อาจหาคำตอบที่ลงตัวได้อยู่ดี แม้ดนตรีจะมาในแนวป๊อป สุด Groove ชวนให้เต้นตาม แต่ conflict กับเนื้อหาที่ค่อนไปทางเศร้าจนเรียกได้ว่าเป็นขั้วตรงข้าม แต่ “MARINA” กลับทำออกมาได้ลงตัวสุดๆ

เพลงนี้เธอได้ไอเดียมาจากความคิดที่ว่า ในความสัมพันธ์ที่ทั้งสองฝ่ายพยายามปรับจูนเข้าหากัน แต่ปรับเท่าไหร่ก็ไม่โอเคไม่ลงตัวสักที ลึกๆ อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์นี้เป็นสมการที่ไม่ลงตัวอยู่แล้วตั้งแต่แรกก็เป็นได้ เธอจึงเลือกแต่งเนื้อร้อง และทำเมโลดี้ด้วยตัวเอง และกระซิบมาว่าพอมาทำเพลงเป็นของตัวเอง โมเมนต์ และอารมณ์มันแตกต่างกับการร้องเพลงประกอบละครเอามากๆ เพราะเพลงของเธอเองจะมีความ real ที่เริ่มต้นจากศูนย์และค่อยๆ รู้สึกผูกพันกับเพลงนี้ขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าเพลงประกอบละครที่เธอต้องเข้าใจบทบาทของตัวละครนั้นๆ ก่อนจึงจะถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาได้ “สมการ (Equation)” ยังได้ “Lukewell” มาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ และช่วยในเรื่องของทำนอง โดยทั้งคู่เคยร่วมงานกันเมื่อ 3 ปีที่แล้วกับเพลงที่มีชื่อว่า “ติด” นอกจากนี้แล้วยังมี “Alex” มาคุมงานในด้านดนตรี จนเกิดมาเป็นเพลงป๊อปที่ฟังง่าย แต่ยังคงลายเซ็นความเป็น “MARINA” กับแนวดนตรี R&B ในส่วนของ MV ได้นำเสนอคอนเซปต์ “MARINAverse” หรือจักรวาลเรื่องเล่าที่ติดต่อกันของเธอ โดยเรื่องราวในเพลงนี้จะเล่าต่อจาก MV ก่อนหน้าที่ปล่อยออกมา โดยใช้ Board Game มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง โดยฝ่ายหนึ่งใช้แต่คำดีๆ เกี่ยวกับความรัก กับอีกฝ่ายที่แม้จะใช้คำคล้ายๆ กัน แต่กลับเต็มไปด้วยความหมายด้านลบ จนเกิดความรู้สึก Toxic กลายเป็นความสัมพันธ์ที่มีแค่ฝ่ายเดียวที่พยายามจะไปต่อ ซึ่งเธอลงมาเล่น MV ด้วยตัวเองอีกด้วย

@ปิดท้ายกันที่ข่าวของ ลุลา (กันยารัตน์ ติยะพรไชย) ที่ได้หวนกลับไปหยิบความรู้สึก และบรรยากาศเจ็บปวดในวันนั้น มาร้อยเรียงต่อผ่านเพลง “เข้าใจว่าไม่เข้าใจ” ที่อยู่ในอัลบั้ม P.S. ซึ่งเป็นผลงานจากความรู้สึกนึกคิดของลุลา ในวันที่เธอเข้าใจโลกมากขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา เพลง “เข้าใจว่าไม่เข้าใจ” เป็นผลงานที่บอกเล่าความรู้สึกในวันที่เราสามารถก้าวผ่านความเจ็บปวดที่เกิดจากการ “หมดรัก” พร้อมเรียนรู้ว่า “บางเรื่องนั้น เราไม่มีวันที่จะ ‘เข้าใจ’ มัน” โดยสิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงแค่การใช้ชีวิตต่อ เพราะว่าจุดเริ่มต้นและจุดจบของความรัก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้แบบไม่มีเหตุผลใดๆ รองรับ

การกลับมากับเพลง “เข้าใจว่าไม่เข้าใจ” ลุลาได้ร่วมงานกับ ข้าว fellow fellow ศิลปินเจ้าของเพลงดัง “ดางหางฮัลเลย์” แถมยังได้นักแสดง หน้าใหม่มีคุณภาพทั้ง ซิดนีย์-สุพิชชา สังขจินดา จาก RedLife และแมน-ธฤษณุ สรนันท์ จากตลก 69 เดอะซีรีส์ มาแสดงนำมิวสิกวิดีโอและในมิวสิกวิดีโอ ลุลาก็ได้ เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร ผู้กำกับเอ็มวี “เรื่องที่ขอ” ที่กำลังมีผลงาน Ready, Set, Love เกมชนคนโสด ทำให้ผลงานนี้รสชาติและมวลอารมณ์ที่คุ้นเคยทั้งในตัวเพลงและเอ็มวี แถมรสชาติใหม่ๆ ที่เรายังไม่เคยได้รับฟังในผลงานก่อนหน้า

แหม…หมดเวลาอัปเดตข่าวแล้วสิ อิอิ แต่ยังรอกันได้นะคะ เพราะอิชั้นกำลังไปหาข่าวยังไงรอตรงนี้นะคะ แล้วมาพบกันค่ะ


คอลัมน์ “เม้าท์ 2 เม้าท์”

โดย “คนสวยหลักสี่”