สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ว่า ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) มีมติในวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุม รับรองการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการจัดระเบียบวิธีการบริหารของสภาประชาชนแห่งชาติ ด้วยเสียงข้างมาก 2,883 เสียง คัดค้าน 8 เสียง และงดออกเสียง 9 เสียง เพื่อเพิ่มอำนาจให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ “มีอำนาจบริหารมากขึ้น” เหนือคณะรัฐมนตรี


ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2525 ที่เอ็นพีซีมีมติเห็นชอบแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่ากับเป็นการลดอำนาจอย่างต่อเนื่อง ของคณะมุขมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีจีน ที่ปัจจุบันอยู่ภายใต้การนำของนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรี บริหารงานกระทรวง 21 แห่ง และกำกับดูแลการทำงานของรัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศ


ขณะเดียวกัน การปรับแก้กฎหมายครั้งนี้ ยังรวมถึงการเพิ่มเนื้อหาที่ระบุว่า คณะรัฐมนตรีจีนต้องสนับสนุน และค้ำจุนอำนาจของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ การรวมศูนย์อำนาจ และการสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับคณะผู้นำ


นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีจีนต้องยึดมั่นและปฏิบัติตาม “แนวคิดสี จิ้นผิง” ซึ่งครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่นโยบายการทูต ไปจนถึงเรื่องการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม


ขณะที่ผู้สันทัดกรณีด้านการเมืองจีนมองไปในทางเดียวกัน ว่าความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ยิ่งบ่งชี้ชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง และการถ่ายโอนอำนาจจากคณะรัฐมนตรี ให้ไปขึ้นตรงกับพรรคคอมมิวนิสต์มากขึ้น อีกทั้งยิ่งเน้นย้ำว่า ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ปัจจุบัน คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นบุคคลทรงอิทธิพลที่สุดในทุกลำดับขั้นการบริหาร และการปกครองของจีน “อย่างแท้จริง”


อนึ่ง การประชุมเอ็นพีซีครั้งนี้ ไม่มีการแถลงหลังปิดการประชุมโดยนายหลี่ เฉียง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี หรือนับตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรี จู หรงจี.

เครดิตภาพ : AFP