เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 67 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.ศุภรัตน์​ อายุ 30 ปี แม่ค้าขายอาหารออนไลน์ เดินทางมาร้องขอให้ช่วยเหลือ โดยกล่าวทั้งน้ำตาว่า ​เดินทางมาร้องเนื่องจากโดนมิจฉาชีพหลอกว่าเป็นลูกค้าชั้นดีของบริษัทอีคอมเมิร์ซ​แห่งหนึ่ง​ ใช้เบอร์ 02 โทรฯ ติดต่อมาและบอกว่าจะได้รับรางวัลเป็นหม้อทอดไฟฟ้าฟรี​ไม่มีค่าใช้จ่าย​ จากนั้นชวนตนแอดเข้ากลุ่มไลน์ โดยมิจฉาชีพที่อยู่ในกลุ่ม ใช้กลยุทธ์​หลอกชักจูงใจให้ตนหลงเชื่อ​ ซึ่งตนก็เชื่อเพราะตนซื้อของกับแอปดังกล่าวมาหลายปีและเดือนหนึ่งยอดซื้อเยอะ​ ทำให้ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะมิจฉาชีพติดต่อมาว่าตนเป็นลูกค้า VIP จะได้รับหม้อทอด ตนจึงแอดไลน์ส่งที่อยู่ไปให้​ จากนั้นมิจฉาชีพแจ้งว่าจะมีเงินค่าเสียเวลาให้และขอคิวอาร์โค้ดจากตน​ จึงส่งไปให้​ และมียอดเงิน 50 บาท​เข้ามาจริง

น.ส.ศุภรัตน์​ กล่าวอีกว่า จากนั้นมิจฉาชีพใช้อุบายหลอกว่าจะมีการบริจาคร่วมกับองค์กร​องค์กรหนึ่ง​ และส่งเป็นตารางกลับมาโดยเป็นตารางเปรียบเทียบยอดบริจาค​ว่าหากตนบริจาคให้ยอด​ 100,000 บาท จะได้เงินคืน​ 130,000 บาท ซึ่งก็บริจาคและได้รับเงินกลับมาจริง​ ทำให้หลงเชื่อ​และมีการโอนต่อเพิ่มไปเรื่อยๆ จนจบที่ยอด 2.8 ล้าน​บาท และไม่ได้เงินออกมาอีกเลย โดยมิจฉาชีพอ้างว่ามีปัญหาเรื่องระบบผิดพลาด​ จึงไม่สามารถนำเงินออกมาได้ และแจ้งอีกว่าหากตนแจ้งตำรวจจะไม่ได้ยอดเงินทั้งหมดคืน

น.ส.ศุภรัตน์​ กล่าวว่า​ หลังจากที่เงินไม่พอ เพราะมิจฉาชีพอ้างว่าจะต้องเสียค่าดำเนินการ​เอกสารเพื่อที่จะเบิกเงินออกมา​ และตอนนั้นไม่มีเงินแล้ว​ จึงแจ้งมิจฉาชีพกลับไปว่า ขอปล่อยเงินตรงนี้ไปดีกว่าต้องไปกู้เงินคนอื่นมา​ จากนั้นคนในกลุ่มจึงอาสาว่าเดี๋ยวจะช่วยแต่ต้องแลกกับคลิปโป๊ช่วงบนและช่วงล่าง ​แต่ขณะนั้นตนเป็นประจำเดือน จึงส่งแค่คลิปช่วงบนให้​ โดยรอบแรกส่งแบบไม่เห็นหน้า​ จากนั้นมิจฉาชีพแจ้งว่าขอแบบเห็นหน้าได้ไหม​ ไม่เห็นหน้าแล้วไม่มีอารมณ์​ จึงส่งไปทั้ง 2 คลิป​ ทั้งเห็นหน้าและไม่เห็นหน้า พร้อมส่งเลขที่บัญชีไปเพื่อให้เขาโอนเงินคืนมา แต่ได้รับคำตอบว่าไม่โอนและเงียบหายไป​ จนตนไล่บี้ได้คำตอบมาว่า​ “ขอบคุณนะสำหรับคลิป ถือว่าเป็นการทำบุญทำทานให้ละกัน” และมีการข่มขู่ว่า หากตนไปแจ้งความและมีหมายศาลส่งมา จะนำคลิปไปปล่อยในโลกออนไลน์

น.ส.ศุภรัตน์​ เผยด้วยว่า​ หลังจากเกิดเหตุไปแจ้งความกับตำรวจ​ที่ สภ.พุทธมณฑล​ จ.นครปฐม ทางตำรวจแจ้งว่า​ คดีนี้เป็นคดีก่ำกึ่ง​ว่าตำรวจไซเบอร์จะรับไว้พิจารณาหรือว่าจะส่งกลับมาให้ทาง สภ.พุทธมณฑล​ สอบ​ เพราะหากส่งกลับมาให้ทำ ตำรวจร้อยเวรที่รับแจ้งความบอกกับตนว่า​ โรงพักไม่มีศักยภาพพอที่จะไปไล่ตามไล่บี้หรือมีอำนาจขนาดนั้น ทำให้ตนยิ่งเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะว่าตอนนี้ไม่มีเงินที่จะให้ลูก หรือให้แฟนไปลงทุนต่อ แค่จะกินข้าว 1 มื้อ 50 บาทยังไม่มี จึงต้องดิ้นรน​ และมีความคิดว่าจะขายตัว​และคิดสั้นตลอดเวลา​ จึงต้องออกมาวันนี้ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง​ เพราะมองว่าไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับเงินคืน แต่ต้องการให้ตำรวจจับตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้

นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน​ รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เผยว่า หลังจากนี้ทางมูลนิธิฯ​ จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ที่ สอท.2​ ให้เร่งติดตามตัวมิจฉาชีพมารับโทษ โดยเฉพาะคนที่บอกจะเอาคลิปของผู้เสียหายไปเผยแพร่​ต้องเอาตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด​ และเร่งให้รีบออกหมายเรียกบัญชีม้ามาดำเนินคดี และรับทราบข้อกล่าวหาโดยเร็วที่สุดเช่นกัน​